รู้ตัวว่าใบหน้าเบี้ยวเป็นครั้งแรกก็ตอนสมัยมัธยมต้นค่ะ ไม่เป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามันคืออาการใบหน้าไม่เท่ากัน
แต่พอเข้ามัธยมปลาย เวลารูปแล้วก็เห็นว่าใบหน้าฉันแตกต่างจากคนอื่นๆ เริ่มเห็นได้ชัดจนเกิดความเครียดขึ้นค่ะ พอเข้ามหาลัยก็เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น เมื่อก่อนก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้เรี่มมีเสียงออกมาจากคางข้างนึง บางทีก็ถ้าอ้าปากกว้างๆคางข้างล่างก็เจ็บ หรือบางทีก็มีอาการอาหารไม่ย่อยหรือว่าปวดหัวด้วย ก็เลยคิดว่าจะต้องตัดสินใจผ่าตัดแล้วล่ะ ถ้าไม่รักษาตั้งแต่แรกก็จะมีอาการหนักขึ้น ในขณะนั้นเองคางข้างนึงก็ยาวลงมาทำให้หน้าไม่เท่ากันอย่างรุนแรง เพื่อให้พ่อแม่อนุญาติก็เก็บรวบรวมเงินเอง แล้วก็เข้าไปปรึกษามาหลายๆที่ แต่ละที่ที่เข้าไปส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่ที่ทำการผ่าตัดขากรรไกร ด้วยความเป็นผู้หญิง จริงๆแล้วก็อยากทำออกมาให้สวยๆขึ้นด้วย แล้วก็เป็นการผ่าตัดใหญ่ ความปลอดภัยก็สำคัญ ก็เลยตัดสินใจเลือกอียู ยิ่งกว่าสิ่งใดไม่ได้ยุให้ผ่าตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นค่ะ ก็บอกพ่อแม่ว่าเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกใบหน้า ปลอดภัยแน่นอน ท่านก็ถูกใจ เพราะว่าไม่ใช่โรงพยาบาลศัลยกรรม ท่านก็เพิ่งรู้ว่ามีโรงพยาบาลขากรรไกรและกระดูกใบหน้าแบบนี้ด้วย การที่เลือกอียูเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดหวังเลยจริงๆค่ะ
วันผ่าตัด
หลังจากผ่าตัดถ้าพูดถึงความเจ็บปวดเอาจริงๆเลย การที่หายใจไม่ค่อยได้เจ็บปวดแล้วก็น่ากลัวที่สุดแล้วค่ะ
คุณหมอถามว่ามีอะไรจะถามมั๊ยก็กลัวว่าถ้าพูดไปแล้วจะหายใจไม่ได้ แต่ว่าพอผ่าตัดเสร็จออกมาก็สามารถหายใจได้ทั้งทางรูจมูกแล้วก็ปากได้อย่างดีเลยค่ะ ไม่เจ็บอะไรเลย ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ คลายความกังวลปัญหาการหายใจไปได้แล้ว แต่ว่าความง่วงนี่แหละค่ะที่เป็นปัญหาตอนนี้ ถ้าไม่มีพ่อคอยปลุกอยู่ข้างๆว่านอนไม่ได้ ฉันก็น่าจะหลับไปแล้วล่ะค่ะ จะต้องรอตอนเย็นถึงจะเริ่มกินน้ำได้ แล้วก็น่าจะหายใจได้สะดวกขึ้น หลังจากนั้นก็นอนหลับไป ตื่นมาอีกทีตอนดึกมากๆก็ไม่มีอะไรทำ เบื่อๆเลยถ่ายรูปเล่น น้ำตาจะไหลเลย ในที่สุดหน้าก็จะเท่ากันแล้วหรอเนี่ย ตื้นตันกับความสามารถ ของคุณหมอตลอดคืนเลย ตลอดคืนพยายาลค่อยๆเข้ามาอย่างเงียบๆคอยวัดความดัน คอยเช็คตลอดคืนเลย ่ แล้วก็เปลี่ยนที่ประคบหน้าให้ ฉีดยาแก้ปวดให้ด้วย ขอบคุณมากๆเลยค่ะ อยากพูดบอกว่าขอบคุณมาก แต่ก็ไม่สามารถอ้าปากได้ ทำได้แต่ส่งสายตาไปว่าขอบคุณทุกครั้งที่เข้ามาค่ะ
วันที่1
ทั้งได้นอนหลับสบาย แล้วก็กินได้ดีค่ะ เขาว่ายิ่งเวลาผ่านไปก็จะยิ่งบวมขึ้น แต่ว่าก็ดูไม่ได้บวมอะไรเยอะเลยค่ะ ค่อยยังชั่ว ตอนเช้าเอาท่อที่ใส่ไว้ในจมูกออกแล้วค่ะ เพราะว่าข้างในจมูกบวมอยู่พอเอาท่อออกแล้วจะยิ่งทำให้ยิ่งหายใจไม่สะดวกยิ่งขึ้น แต่ว่าก็รู้สึกโล่งขึ้นค่ะ เมื่อวานตอนกลางคืนเลือดกำเดาไหลด้วยค่ะ ตอนแรกรู้สึกว่าลำบากแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยค่ะ คิดว่าตัวเองอดทนหลังจากผ่าตัดได้ดีมากๆ เลยค่ะ เพราะว่าคุณหมอคิมทำการผ่าตัดให้อย่างดีและปลอดภัยค่ะ อยากจะขอขอบคุณคุณหมอมากๆอีกครั้งนึงค่ะ
วันที่2
วันนี้ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ ตอนเช้าก็วัดไข้วัดความดันก่อน แล้วก็ฉีดยาแก้อักเสบแก้ปวด พอได้ยินว่าให้เปลี่ยนชุดกลับได้เลยก็ดีใจมากๆเลยค่ะ ตอนที่อยู่โรงพยาบาลสบายที่สุดเลยแต่ว่านอนอยู่เฉยๆมันก็เบื่ออ่ะค่ะ ปวดหัวแล้วก็เจ็บก้นด้วย อยากกลับบ้านไปพักมากๆเลยค่ะ ก่อนหน้านี้คุณหมอมาดูแล้วก็บอกว่าผ่าตัดไปได้ด้วยดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ แอบพูดในใจค่ะว่าดิฉันเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ตอนนี้ที่คางยังไม่มีแรง ต้องฝึกทำให้เวเฟอร์ลงล็อคฟันค่ะ เคสดิฉันไม่ต้องจัดฟันหลังจากผ่าตัดค่ะ คุณหมอทำการผ่าตัดให้อย่างดีแล้วที่เหลือการดูแลให้หายไวๆก็เป็นหน้าที่ของฉันแล้วล่ะค่ะ
วันที่3
ได้กลับมานอนที่บ้านวันแรก สบายที่สุดในโลกเลยค่ะ วันที่3นี่เริ่มบวมค่ะ หายใจค่อนข้างลำบาก ให้หายใจทางปาก แต่ว่าตอนนอนก็นอนได้สบายมากเลยค่ะ ตื่นมาแค่ครั้งเดียว ยาก็กินอย่างตรงเวลา ตอนนี้ยังกินอาหารไม่ได้ก็เลยยังไม่มีแรง แต่ว่าก็พยายามขยับตัว พยายามเดินไปเดินมาทุกครั้งที่มีเวลาเลยค่ะ ในสายตาของพ่อกับแม่ก็บอกว่าดูเหมือนว่าจะผ่าตัดออกมาได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ ตอนนี้หมดห่วงหมดกังวลเลย ยอมรับในฝีมือของคุณหมอจริงๆเลย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังบวมเยอะอยู่แต่ว่าถ้าทำทั้งขากรรไกรแล้วก็โครงหน้าออกมาบวมเท่านี้นี่ก็ถือว่าน้อยมากๆแล้ว โดยรวมตอนนี้ถูกใจมากๆ100%เลยค่ะ ขอขอบคุณคุณหมอแล้วก็พี่พยาบาลที่คอยดูแลตอนอยู่โรงพยาบาลอีกครั้งนึงค่ะ
วันที่4
วันนี้ไปทำเลเซอร์ลดบวมมาตั้งแต่เช้าเลย เจอคนไข้ที่นอนโรงพยาบาลก็ออกมาเดินเล่นในโรงพยาบาลแต่เช้าเลย รู้สึกนึกถึงตัวเอง คล้ายๆกันเลย 555 พอทำเลเซอร์เสร็จที่ปรึกษาบอกว่าสามารถเอาเทปที่หน้าออกได้แล้ว ก็เลยล้างหน้าแล้วเอาเทปออก ตอนดึงเทปออกเจ็บที่สุดเลย น้ำตาไหลเลย รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานเลย แต่เพิ่งจะแค่4วันเอง หน้าบวมน้อยกว่าที่คิดแล้วก็ยุบบวมไวด้วยค่ะ เพราะว่ายังกินอะไรไม่ได้นี่ปัญหาใหญ่มากๆ อยากร้องไห้เลยค่ะ ถ้าผ่าน1อาทิตย์ไปก็จะดีขึ้นมาก อยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆจังเลยค่ะ
วันที่7
วันนี้ไปโรงพยาบาลแต่เช้าเพื่อล้างแผลข้างในปากค่ะ เพราะว่าข้าวก็ยังกินไม่ได้ แล้วต้องออกไปไหนมาไหนทำให้มึนๆหัวค่ะ ตอนนี้รอยช้ำก็ค่อยๆหายลงเรื่อยๆค่ะ ช้ำถึงคอเลย เพราะว่าไม่ได้กินข้าวทำให้ตอนนี้น้ำหนักลงมา3กิโลเลยค่ะ ปกติก็ผอมอยู่แล้ว แต่พอน้ำหนักลงอีก แม่บอกว่าดูเหมือนจะเป็นลมเลย จนถึงตอนนี้ก็อดทนไม่ให้เป็นลมอยู่อย่างดีเลยค่ะ มาถึงโรงพยาบาลคุณหมอก็ทำแผลในปากให้ แล้วก็ตัดไหมบริเวณโหนกแก้มให้ค่ะ มีคนบอกว่าเวลาตัดไหมเจ็บ ตอนแรกก็แอบกลัวๆค่ะ แต่ว่าก็ไม่เจ็บอย่างที่คิดเลยค่ะ เสร็จแล้วก็ทำเลเซอร์ลดบวม แล้วก็กลับมาถึงบ้านก็หลับทันทีเลยค่ะ พอใส่ที่รัดหน้าอย่างสม่ำเสมอก็ทำให้ค่อยๆยุบบวมๆไปเรื่อยๆทีละนิดอย่างต่อเนื่องค่ะ ถ้าเวลาผ่านไปเร็วๆก็น่าจะดีค่ะ
วันที่8
ยุบบวมอยู่เรื่อยๆค่ะ ตอนนี้ยังมีรอยช้ำเหลืองๆเหลืออยู่ตรงบริเวณตาอยู่นิดหน่อย แต่ว่ายุบบวมอยู่อย่างต่อเนื่องก็ดีมากๆค่ะ แต่ที่แก้มสองข้างยังบวมๆเหมือนอมลูกอมอยู่ในปาก ตอนนี้เพิ่งจะแค่อาทิตย์ที่2เองก็ยุบไปขนาดนี้แล้ว ถ้าครบเดือนนึงจะยุบบวมไปขนาดไหนก็อยากเห็นแล้วล่ะค่ะ
ไม่มีปัญหาอะไรกับการใช้ชีวิตประจำวันเลยค่ะ แต่ว่าเพราะทานอาหารอร่อยๆไม่ได้เลยรู้สึกเหมือนจะตายเลยค่ะ แล้วก็เพราะว่ามีเวเฟอร์อยู่ทำให้เวลาพูดออกมาไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ค่ะ อยากรีบๆตัดไหมในปากออกไวๆจังเลยค่ะ
วันที่10
ความรู้สึกที่ใบหน้าก็เริ่มกลับมาในระดับนึงแล้วค่ะ แต่ว่าช่วงโหนกแก้มด้านหน้า กับบริเวณแก้มก็ยังบวมอยู่ค่ะ แต่ว่าช่วงนี้บางทีมีอาการปวดตื้อๆบริเวณใต้คาง แต่ก็นะเป็นการผ่าตัดกระดูกออกไปก็เป็นอาการปกติอยู่แล้วสินะ หลังจากผ่าตัดโครงหน้ากับขากรรไกรแล้วเวลาผ่านไปช้ามากๆเลย มีเวลาว่าเมื่อไหร่ ก็จะออกไปเดินเล่นค่ะ พอขยับร่างกายแล้วก็ทำให้ยุบบวมได้อย่างเห็นได้ชัดจริงๆเลยค่ะ อยากเห็นหน้าตอนที่ยุบบวมหมดแล้วไวๆจังเลยค่ะ
วันที่11
ผ่าตัดมาได้11วันแล้วค่ะ ฉันคิดว่ายุบบวมลงไปเยอะมากๆเลยค่ะ ตอนนี้ก็กินโจ๊กฟักทองอย่างสม่ำเสมอเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะช่วยได้แค่นิดเดียวก็เถอะ แล้วก็เดินเล่นเยอะๆ สิ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนเลยก็คือปกติเวลาถ่ายรูปด้วยกล้องธรรมดาจะเห็นชัดว่าหน้าไม่เท่ากัน แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะถ่ายยังไง ก็ออกมาดูเท่ากันแล้วล่ะค่ะ มีความสุขจังเลย ผลลัพธ์ออกมาถูกใจมากๆเลยค่ะ หน้าก็เรียวขึ้นด้วยชอบมากเลย รอให้ยุบบวมไวๆอยากเห็นหน้าตอนนั้นแล้วค่ะ
วันที่14
วันนี้ตัดไหมข้างในปากค่ะ แล้วก็เปลี่ยนไม่ต้องใส่เวเฟอร์แล้ว ต้องฝึกเกี่ยวยางค่ะ ก่อนอื่นเลย ตัดไหมในปากเจ็บมากเลยค่ะ ปกติเป็นคนทนได้เก่งนะคะ แต่ว่าคราวนี้แบบว่าเจ็บมากๆจนสั่นไปทั้งตัวเลยค่ะ แต่ว่าแปปเดียวก็เสร็จค่ะ แล้วก็เอาเวเฟอร์ออก แล้วใส่อุปกรณ์อย่างอื่นเข้าไปแทน ยังไม่ได้เลิกใส่ก็เสียใจหน่อยค่ะ แต่ก็มีขนาดบางกว่าเวเฟอร์อันเดิมแล้วก็ใส่ได้สนิทมากขึ้นทำให้เวลาพูดก็สามารถออกเสียงได้ดีขึ้นกว่าเดิมปิดปากได้ง่ายกว่าเดิมค่ะ เวลาเกี่ยวยางก็ทำได้จนชินแล้วค่ะเพราะตอนจัดฟันก็ทำตลอด กลับมาเช็คผลหลังจากนี้อีก1เดือน ก็ขอให้เวลาผ่านไปไวๆค่ะ
วันที่15
เป็นเพราะว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ พอตัดไหมแล้วรู้สึกว่ายุบบวมไปเยอะมากๆเลยค่ะ เวลากินก็สามารถถอดเครื่องมือแล้วก็กินได้อย่างปกติ ทำให้สบายขึ้นมากๆเลยค่ะ ตอนนี้ก็สามารถเริ่มแปรงฟันได้แล้วค่ะ โล่งขึ้นเยอะเลย ก่อนหน้านี้ต้องใช้น้ำยาบ้วนปากอย่างเดียว แต่ว่าก็ยังต้องระวังอยู่ค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ก็ทำให้ยังเจ็บปวดอยู่ค่ะ อยากกินข้าวแล้ว รู้สึกเหมือนว่าเวลาผ่านมาเยอะมากๆแล้วแต่ว่าเพิ่งจะผ่าตัดมาได้แค่2อาทิตย์เองค่ะ เป็นเพราะว่าทั้งหายไว แล้วก็ไม่บวม คนรอบข้างก็ต่างบอกว่าผ่าตัดออกมาได้ดีมากๆ เลือกโรงพยาบาลได้ถูกจริงๆเลยค่ะ ดูเหมือนว่าจะชมเยอะมากเกินไป แต่ว่าผลออกมาถูกใจน่าชื่นชมมากจริงๆค่ะ
วันที่16
ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ ปกติดีมากๆ ยกเว้นก็แต่ยังกินอะไรที่อยากกินไม่ได้ทรมานมากๆ แต่ก็ใส่ยางอย่างดีค่ะเพื่อให้หายไวๆ ในความคิดฉันว่าค่อนข้างจะเป็นคนที่หายไวมากๆเลยค่ะ ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะยังอ้าปากได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ฝึกอ้าปากอย่างสม่ำเสมอเลยค่ะ จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะสามารถอ้าปากได้กว้างเท่าเดิมเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย อยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆจังเลยค่ะ
วันที่17
ตอนนี้ที่แก้มก็ยุบบวมไปเรื่อยๆค่ะ แต่ว่าบริเวณโหนกแก้มด้านข้างเหมือนจะบวมๆขึ้นกว่าเดิมเลยค่ะ แต่ว่าตอนนี้ก็ยังจะไม่เท่าไหร่ คิดว่าจะต้องรอจนกว่าจะถึง1เดือนแหละค่ะ ช่วงนี้ก็เริ่มกินอะไรได้มากขึ้นค่ะ ตอนช่วงแรกๆที่ผ่าตัดใหม่ๆแทบจะกินอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้ก็ฝึกขยับปาก ฝึกค่อยๆเคี้ยวอยู่ค่ะ แต่ก็ต้องระวังจนถึง1เดือน ต้องอดทนถึงแม้ว่าจะอยากกินอะไรก็ตาม ตอนนี้หน้ายังบวมอยู่ ก็เลยไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกเท่าไหร่ เหมือนว่าเวลาจะผ่านไปเรื่อยๆ อยากให้ถึง1เดือนไวๆจังเลยค่ะ
วันที่18
เหมือนว่าจะยังบวมอยู่เท่าเดิมเลยค่ะ เหมือนนอนเยอะแล้วก็บวมขึ้นเยอะกว่าเดิม จะต้องขยันเดินเยอะๆแล้วล่ะค่ะ ที่โรงพยาบาลบอกว่ายังให้เลี่ยงการขยับขากรรไกรเพื่อเคี้ยวอาหารอยู่ แต่ว่าหิวมากๆ ก็เลยเอาเข้าลงไปต้มในน้ำซุปเป็นข้าวต้มแล้วกิน ค่อยยังชั่วหน่อย พอเคี้ยวๆแล้วก็รู้สึกตึงๆที่คางค่ะ แต่ว่าก็เริ่มเคี้ยวได้เยอะกว่าช่วงแรกๆแล้วค่ะ
วันที่19
เพราะว่าเห็นหน้าตัวเองทุกวันหรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้สึกเหมือนว่าไม่ได้ยุบบวมลงไปเลยค่ะ แต่ว่าก็ขยันเดินเยอะๆเพื่อให้ช่วยยุบบวม อยากให้ยุบบวมไวๆแล้วก็สามารถพูด เคี้ยวข้าวได้ปกติไวๆจังเลยค่ะ
วันที่20
ค่อยๆยุบบวมอย่างช้าๆแบบตามธรรมชาติเลยค่ะ ถ้าที่บวมตุ่ยๆอยู่ตรงแก้มแบบเหมือนอมยิ้มอยู่ก็จะเป็นธรรมชาติมากขึ้นแน่ๆเลยค่ะ ตอนนี้เรื่องการกินก็เริ่มดีขึ้นแล้ว ก็หลีกเลี่ยงไม่กินของแข็งๆเหนียวๆค่ะ เริ่มเคี้ยวได้แล้ว เมื่อก่อนเพราะว่าเคี้ยวไม่ได้ทำให้บางทีอาหารก็ไม่ย่อย ตอนนี้ก็เริ่มกินอะไรที่อยากกินได้แล้วค่ะ เพราะว่าต้องค่อยๆเคี้ยวอย่างช้าๆ ทำให้ต้องใช้เวลาในการเคี้ยวถึงสองเท่าเลย แต่ก็ได้เท่านี้ก็ถือว่าหายไวมากๆเลยค่ะ
วันที่21
ยุบบวมไปเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ออกไปข้างนอกก็ไม่ต้องใส่แมสปิดปากแล้ว แต่ว่าก็ยังบวมๆเหมือนอมลูกอมไว้ในปากอยู่ค่ะ แต่ว่าก็เป็นธรรมชาติมากขึ้นมากๆ ตอนแรกๆไม่ค่อยยุบบวมก็แอบเป็นกังวลนะคะ ตอนนี้ก็เริ่มเห็นโครงหน้าดูสมูทมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ยังมียางดึงฟันในปากอยู่ ยังกินอะไรตามใจไม่ค่อยได้เท่าไหร่ อยากให้แต่ละวันผ่านไปไวๆจะได้รีบๆเอายางออกซักทีจังเลยค่ะ
วันที่22
ตอนนี้ก็ใกล้จะครบ1เดือนที่ผ่าตัดมาแล้วค่ะ เริ่มแต่งหน้าครั้งแรกหลังจากผ่าตัดออกไปข้างนอก ยังมีบางบริเวณของใบหน้าที่ยังไม่มีความรู้สึกก็เลยไม่ได้ลงงานผิว แต่งแค่นี้ก็รู้สึกได้ชัดเจนแล้วว่าเปลี่ยนไปค่ะ หน้าเล็กลงแล้วก็สมมาตรขึ้นแล้วค่ะ ถ้ายุบบวมลงไปหมดจนถึงบริเวณรอบๆปากได้แล้วก็จะสมบูรณ์แบบมากๆเลย ตอนนี้เริ่มมีแรงบริเวณฟันมากขึ้นแล้วสามารถเคี้ยวอาหารได้แล้วดีใจมากๆเลย ตอนแรกๆกินอะไรไม่ได้เหมือนฟันเป็นเหน็บอยู่ตอนนี้หายแล้วค่ะ ตอนนี้ก็สามารถกินแตงโมหรือผลไม้นิ่มๆได้อย่างไม่ต้องฝืนเลยค่ะ
วันที่23
อากาศร้อนมากๆ ทำให้ออกไปเดินเล่นลำบาก แต่ว่าถ้าออกไปเดินเล่นก็รู้สึกได้ชัดเลยว่ายุบลงไปมากกว่าตอนที่ตื่นมามากๆค่ะ ช่วงนี้จะมีความรู้สึกจิ๊ดๆ บริเวณกระดูกตรงคางกับโหนกแก้มค่ะ แล้วก็ตอนนี้หน้าฝั่งซ้ายยังไม่ค่อยมีความรู้สึกมากเท่าไหร่ทำให้เวลาเคี้ยวอาหาร ข้างซ้ายยังค่อนข้างลำบากอยู่หน่อย เพราะว่าข้างขวาสามารถเคี้ยวได้สบายกว่าก็เลยใช้แต่ข้างขวาเคี้ยวอยู่ ก็กลัวว่าช่วงนี้จะเคี้ยวฝั่งขวาเยอะเกินไปมั๊ย ก็พยายามฝึกเคี้ยวทั้งสองข้างอยู่ค่ะ อยากให้วันที่สามารถกินไก่ทอดได้มาถึงไวๆจัง
วันที่24
ช่วงนี้ถ้าอยากกินอะไรก็จะเอามาตัดๆให้เป็นชิ้นเล็กๆแล้วก็ทานค่ะ ยุบบวมลงไปแล้วทำให้ หน้าบริเวณโหนกแก้มดูซอฟต์ขึ้นเยอะเลยค่ะ ยิ่งกว่าสิ่งใดคนรอบข้างบอกว่าสวยขึ้นเป็นธรรมชาติมากๆเลยค่ะ ผ่าตัดออกมาได้ดีมาก อิจฉากันทั้งนั้นเลยค่ะ ตอนที่ผ่าตัดเสร็จแรกๆ หน้าบวมมาก แค่ออกไปมาร์ทหน้าบ้านยังลำบากเลย ตอนนี้หน้ายุบบวมลงไปเยอะมากๆแล้วค่ะ แล้วก็เริ่มเป็นธรรมชาติขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆเช้าตื่นมาก็ดูกระจกก่อนเลยค่ะ ฉันก็รู้สึกว่าแต่ละวันๆยุบบวมลงไปเรื่อยๆเลย
วันที่25
แก้มที่บวมยังบวมอยู่เหมือนเดิม แต่ว่าตรงโหนกแก้มตอนแรกก็เป็นกังวลมากๆ แต่ตอนนี้ยุบลงไปอย่างไม่รู้ตัวเลย ถ้าผ่า1เดือน 2เดือน 3เดือนไป จะสวยขึ้นขนาดไหน แค่คิดก็ดีใจแล้ว ตอนที่ผ่าตัดแรกๆ กินอะไรไม่ค่อยได้ที่เป็นปัญหา ตอนนี้พอจะครบเดือนก็เริ่มทานได้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้อยากเริ่มกินของแข็งๆบ้างแล้วล่ะค่ะ
วันที่26
ยังบวมอยู่เท่าๆเดิม แต่ว่าช่วงนี้แต่งหน้าออกไปไหนมาไหนแล้ว ดีขึ้นมากๆเลย พักฟื้นได้ไวดีมากๆ ถ้าไม่บอกคนรอบข้างก็ไม่รู้เลยค่ะ เป็นธรรมชาติมาก โดนถามด้วยว่าผ่าตัดใหญ่มาจริงๆหรอ หายไวขนาดนี้ ไม่มีปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำอะไรมากเท่าไหร่ค่ะ แต่ว่ากยังไม่สามารถอ้าปากกว้างๆหรือกินของเหนียวๆได้ ตอนนี้ก็ฝึกอ้าปากอย่างสม่ำเสมอค่ะ ตอนนี้เอานิ้วเข้าได้ประมาณ2นิ้วแล้ว อยากรีบๆอ้าปากได้กว้างๆไวๆแล้วค่ะ
วันที่27
ตอนนี้ยุบบวมลงไปเยอะมากๆเลย ก็รู้มาว่าถ้าเลยเดือนแรกไปหน่อยนึงก็จะยุบลงไปแทบจะหมด ตอนนี้ก็เป็นช่วงที่เริ่มชะลอๆเหมือนรีวิวของคนอื่นๆเลย แต่ว่าก็ไม่ได้ถึงขั้นแบบออกไปไหนมาไหนไม่ได้ ก็ยังออกไปเจอเพื่อนบ่อยๆ เห็นได้ชัดว่าออกมาเป็นธรรมชาติขึ้นเรื่อยๆก็สบายใจค่ะ ก่อนที่จะผ่าตัดก็กลัวว่าจะเปลี่ยนไปเยอะแล้วคนรอบข้างจะเห็นแล้วดูรู้ แต่ว่าออกมาเป็นธรรมชาติมากๆเลยค่ะ ถูกใจมากๆ ถ้าปัญหาที่ยังไม่สามารถเคี้ยวอะไรได้คลี่คลายได้ก็จะดีมากๆเลยค่ะ
วันที่28
ไปเที่ยวกลับมาแล้วรู้สึกว่ายุบบวมลงไปอีกเยอะเลยค่ะ เดินเยอะๆนี่ช่วยได้ดีจริงๆค่ะ ตอนนี้อากาศร้อน ถ้าเดินทุกๆวันเหนื่อยก็จริง แต่ว่าเห็นผลชัดเจนมากๆเลยค่ะ ถึงแม้ว่าเวลาส่องกระจกจะมองไม่ค่อยชัด แต่พอถ่ายรูปแล้วเทียบแต่ละวันๆเห็นได้ชัดเลยค่ะ สามารถเอามาเทียบผลผ่าตัดก่อนหลังเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ แค่ถึงตอนนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้แล้ว ถ้าตอน3-4เดือนน่าจะยุบบวมลงไปจนแบบว่าไม่มีใครรู้เลยแน่ๆค่ะ
วันที่30
ยุบบวมไปประมาณนึงเพราะว่าดิฉันเห็นหน้าตัวเองอยู่ทุกวัน ก็เลยรู้สึกว่ายังบวมเยอะอยู่ แต่ว่าคนอื่นๆบอกว่าเหมือนมีเนื้อมากขึ้น ดูดีกว่าเดิมอีก พอผ่าตัดมาได้เดือนนึงแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรกับการใช้ชีวิตประจำวันมากเท่าไหร่ แต่ว่าก็ยังไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ทุกอย่าง แล้วเวลาหัวเราะหรือพูดออกเสียงยังมีข้อจำกัดอยู่ค่ะ ถ้าครบสามเดือนเมื่อไหร่ก็อยากจะเคี้ยวหัวไชเท้าดองบ้างแล้วล่ะค่ะ เข้าไปเช็คผล1เดือนที่โรงพยาบาลมา เลยถามคุณหมอว่านี่ถือว่ายุบไวหรือเปล่า หมอบอกว่าตอนนี้ก็ยังบวมอยู่เยอะอยู่ ฉันว่าตอนนี้ก็พอใจมากๆแล้วนะคะจะยุบอีกหรอเนี่ย อยากเห็นแล้วล่ะค่ะ
วันที่56
ผ่าตัดมาได้เกือบจะ2เดือนแล้วล่ะค่ะ คุณหมอบอกให้ฝึกอ้าปากเยอะๆ ตอนนี้ก็ยังเอานิ้วเข้าไปได้แค่ประมาณสองนิ้วครึ่งเองค่ะ บางทีก็ลืมตัวไปว่าผ่าตัดมาเผลออ้าปากหาว ก็ตกใจค่ะ เดือนที่สองแล้วก็ไม่มีอะไรที่ลำบากต่อการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ ก่อนหน้านี้แก้มสองข้างบวมเหมือนอมอาหารเอาไว้ แต่ว่าตอนนี้ก็เหมือนแค่อมลูกอมไว้ข้างละเม็ดแค่นั้น ตอนนี้ก็ถูกใจมากแล้วค่ะ ถ้าแก้มสองข้างยุบบวมแล้วหน้าจะต้องเรียวมากๆแน่เลยค่ะ จะต้องฝึกอ้าปากให้ชินแล้วล่ะค่ะ