top
แนะนำโรงพยาบาล ▼
ศัลยกรรมขากรรไกร ▼
ศัลยกรรมโครงหน้า ▼
ศัลยกรรมแก้ไข ▼
รีวิวศัลยกรรม / Before-After ▼
ข่าวสารอียู ▼

리얼모델신청하기 리얼모델신청하기 닫기

รีวิวศัลยกรรม / Before-After > Real Selfie Before/After
+
  • หลังผ่าตัดโครงหน้า3จุด ครบ1ปี:)
  • 2018-12-13 hit.8,184
  • 작성자 : 김**

ก่อนผ่าตัด 



ตั้งแต่สมัยดิฉันยังวัยรุ่น  คางดิฉันออกมาแล้วโหนกก็ใหญ่ขึ้น แล้วก็คางด้านซ้ายยาวลงมามากกว่าข้างขวา หน้าเลยไม่เท่ากันด้วยค่ะ แล้วก็บริเวณคางก็มีการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อเยอะด้วยค่ะ ฉีดโบท็อกซ์มาตลอดหลายปี ตั้งแต่อายุ 20ต้นๆ แต่ว่าก็ไม่เห็นผลได้ เพราะว่าโบท็อกซ์ไม่สามารถแก้ไขทรงของกระดูกได้ แล้วก็ทราบค่ะว่าควรทำศัลยกรรมมากกว่าการฉีดโบท็อกซ์ 

เวลาถ่ายรูปหน้าตรงแล้วใบหน้ากว้างมากๆ เพราะว่าหน้าออกมาดูไม่ได้เลย ก็เลยไม่ค่อยถ่ายรูปค่ะ

แล้วก็มีคนบอกด้วยค่ะว่าตัวจริงยังจะดูดีกว่า  ตา จมูก หน้าผาก โอเคนะ แต่ว่าก็มีปากยื่นด้วยค่ะ แต่ก็จัดฟันตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยไม่เป็นอะไร

ถ้าเทียบกับส่วนสูง หน้าใหญ่มากๆ  แล้วก็ยิ่งเวลาไว้ผมหน้าม้า หรือว่ามัดผมสูงๆ คางเป็นเหลี่ยมมากๆ ทำให้หน้าดูไม่ได้เลย เครียดมากๆ

ดิฉันอิจฉาคนที่รูปหน้าสวยและเล็กมากกว่าคนที่จมูกสวยตาสวยอีกค่ะ

หลังจากหมดวัยรุ่น โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว  ก็คิดอยู่นานว่าจะศัลยกรรมดีมั๊ย ทั้งกลัวแล้วก็กังวลผลข้างเคียงการผ่าตัดค่ะ

แต่ว่ามีคนรู้จักแนะนำโรงพยาบาลอียูให้ บอกว่าคนรู้จักอีกทีไปผ่าตัดมา ออกมาดีมากๆ เลย ทั้งสวยถูกใจแล้วก็เป็นธรรมชาติมากๆ

หลังจากนั้นก็เลยคิดอยู่อีกซักเดือน พอยิ่งเห็นว่ารูแหลังผ่าตัดออกมาสวย ก็ยิ่งอยากทำมากขึ้นค่ะ แต่ก็เป็นคนขี้กลัวแล้วก็กังวลมากๆด้วยว่าถ้าทำแล้วออกมาใหม่เข้ากันจะทำยังไงดี

แต่ก็จองเข้าไปปรึกษาดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจค่ะ

ดิฉันถูกใจจมูกแล้วก็ตาตัวเองนะคะ แต่ว่าเครียดเพราะโครงหน้าของตัวเองมากๆเลยค่ะ

หลังจากปรึกษากับที่ปรึกษาเสร็จก็ได้ปรึกษากับคุณหมอด้วยค่ะ คุณหมอบอกว่าถ้าทำโหนกแก้มกับวีไลน์จะสามารถแก้ไขได้เยอะมากๆเลย  แล้วคุณหมอก็แนะนำแบบที่ออกมาเป็นธรรมชาติเลยทำให้เริ่มมีใจให้ แล้วก็มีอย่างนึงที่เพิ่งรู้ก็คือ

ทั้งโหนกใหญ่และกว้างมากๆ คางก็ยื่นลงมามากกว่าที่คิดไว้เยอะมากๆเลย

ถ้าทำการผ่าตัดก็จะมีผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนมากเลยสินะ ก็เลยรีบจองวันผ่าตัดเลยค่ะ อยากผ่าตัดแล้วยุบบวมไวๆ จะได้ไว้หน้าม้า หรือว่ามัดผมได้บ้าง อยากทำผมหลายๆทรงด้วยค่ะ อยากรีบผ่าตัดเร็วๆแล้ว


วันผ่าตัด 



เมื่อวานตั้งแต่สองทุ่มก็ไม่ได้ทานอาหาร น้ำ หรืออะไรเลยซักอย่างเลยค่ะ วันนี้มาโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าเลย

เปลี่ยนเป็นชุดคนไข้แล้วก็เข้าไปปรึกษากับที่ปรึกษาอีกรอบนึง ก่อนที่จะปรึกษากับคุณหมอชินเป็นครั้งสุดท้ายว่าอยาก ได้โครงหน้าแบบไหน ก็หารูปดาราในอินเตอร์เนตให้คุณหมอดู บอกคุณหมอว่าไม่อยากได้แบบคางหมาที่แบบแหลมๆมากๆ ไม่ต้องเหลาให้เหล็มมาก อยากได้วีไลน์แบบธรรมชาติค่ะ

คุณหมอบอกว่าก็บอกว่าคางหมา แบบที่ต้องเหลาเยอะจะดูไม่เป็นธรรมชาติ น่าจะไม่ชอบ ก็เลยยิ่งเชื่อใจคุณหมอแล้วก็ขึ้นเตียงผ่าตัดค่ะ 

แล้วก็ดมยาสลบ มีสายตาจ้องอยู่ แล้วหายใจไปสามครั้ง ก็หลับไปเลย ตื่นอีกทีก็ผ่าเสร็จแล้วค่ะ

ไม่มีเจ็บอะไรแต่ว่ารู้สึกคลื่นไส้อาเจียนมากๆเลยค่ะ  เป็นเพราะว่าปกติเป็นคนที่กระเพาะอ่อนแออยู่แล้วด้วยหรือเปล่าเลยยิ่งอาการหนักกว่าคนอื่น

แล้วก็ที่น่าแปลกใจไม่มีอาการคัดจมูกหรือเสลดเลือดอะไรเลยค่ะ คอก็ไม่ได้บวมอะไร  มีแค่รู้สึกจิ๊ดๆแค่นิดเดียว  ปากก็อ้าได้กว้างมากกว่าที่คิดไว้ค่ะ สามารถสื่อสารได้ดีค่ะ

แล้วก็อีกอย่างนึงที่น่าแปลกใจมากๆ ก็คือ ปกติดิฉันเป็นคนบวมง่าย บางทีชนอะไรนิดเดียวก็ช้ำง่ายมากๆแล้ว แต่ว่านี่แทบจะไม่ช้ำเลย แล้วก็เพราะว่าเป็นเพราะวันแรกหรือเปล่าเลยยังไม่บวมเท่าไร

ก็ตื่นๆมาชมนึง ชมครึ่ง เต็มที่2ชม แล้วก็เผลอหลับแล้วก็ตื่น เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้รบกวนอะไรค่ะ



วันที่2

 

หน้าบวมมากขึ้นกว่าวันแรกค่ะ ตาก็เล็กลงด้วย แต่ว่าไม่ช้ำอะไร  ตอนเช้าก็กินนิวแคร์ไปกระป๋องนึงค่ะ

 เพราะว่าท้องโล่งมาตลอดเลย พอมากินนิวแคร์เลยรู้สึกว่าอร่อยมากๆเลยค่ะ วันนี้กินนิวแคร์ไป5กระป๋อง แล้วก็น้ำฟักทอง1ซอง เพื่อให้ช่วยยุบบวม แล้วก็น้ำถั่วแดงอีกแก้วนึงค่ะ

ตอนเช้าคุณหมอชินมาตรวจก็บอกว่าเหมือนจะไม่ข้ำ แล้วก็ที่รู้สึกคลื่นไส้เป็นเพราะยาสลบ

ถึงแม้ว่าจะได้ยินว่าหน้าบวมอยู่แต่ว่าก็ได้ยินว่าหน้าเล็กลงกว่าเมื่อก่อนมากๆ ดีใจมากค่ะ  กลับบ้านมาแล้วก็ใส่ที่รัดหน้าไว้ค่ะ ใส่40นาทีแล้วก็ถอดพัก20นาที  เพราะว่าช่วยให้กรอบหน้าชัดเจนมากขึ้นแล้วก็ลดโอกาสเกิดอาการแก้มย้อย ก็เลยใส่อย่างสม่ำเสมอไม่ลืมเลยค่ะ ยกเว้นเวลาบ้วนปาก เวลากินข้าว แล้วก็เวลานอน

แล้วก็ประคบเย็นอย่างสม่ำเสมอด้วยค่ะ เพราะว่าข้างนอกฝนตก ก็เลยเดินไปเดินมาในบ้านอยู่2ชมค่ะ เพราะว่าถ้าเดินเยอะๆจะทำให้ยุบบวมไว

ถ้าจะให้เห็นผลการผ่าตัดอย่างชัดเจนจะต้องใส่ที่รัดหน้าอย่างเคร่งครัด  ประคบเย็น แล้วก็เดินสำคัญมากๆเลยค่ะ ตั้งใจดูแลพักฟื้นอย่างเต็มที่เพื่อให้ยุบบวมไวๆ จะได้เห็นใบหน้าที่แปลี่ยนไปเร็วๆ

แล้วก็วันที่สองวันนี้ก็ไม่มีช้ำอะไรอ่ะ ที่จมูกก็ไม่บวม คอก็ดีขึ้นแล้ว พูดคุยได้ โทรคุยโทรศัพท์ได้อย่างไม่มีปัญหา

น่าแปลกใจมากเลยค่ะ ที่ไม่มีอะไรลำบากเป็นผลต่อชีวิตประจำวัน



วันที่3

วันนี้วันที่3ค่ะ วันนี้นอนหลับยาว10ชม ไม่ตื่นเลยค่ะ วันนี้หน้าบวมเยอะมากที่สุดเลยค่ะ

คอที่บวมก็ดีขึ้นมากแล้วค่ะ มีเสียงเป็นปกติ ไม่มีอะไรไม่สบายเลยค่ะ ไม่ช้ำด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนอนเยอะเกินไปหรือเปล่าหน้าก็เลยบวมเยอะ ก็เลยกินน้ำฟักทองทันที แล้วก็บ้วนปากแล้วก็ออกไปเดินเล่นค่ะ ว่าจะเอากล้วยไปปั่นกิน ก็เลยไปซุปเปอร์ด้วยค่ะ

วันที่3ไปไหนมาไหนคนเดียวก็ไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ ตอนแรกก็เตรียมพกทิชชู่ไปด้วยเผื่อเลือดกำเดาไหล แต่ก็ไม่ได้ไหลค่ะ

เริ่มเบื่อนิวแคร์แล้ว  วันนี้ก็เลยกินแค่นิวแคร์สองกระป๋อง และ นมอัลมอลด์  น้ำกล้วย แล้วก็น้ำฟักทองค่ะ

ตอนเช้าเดินไปประมาณชมนึง แล้วก็ตอนเย็นอีกประมาณ2ชมค่ะ พอเดินสองชมนี่ ยุบบวมลงมากกว่าตอนเช้าชัดเจนมากๆเลยค่ะ

กลายเป็นทำให้ดูกระจกบ่อยมากๆค่ะ ใช้นิ้วลองจิ้มไปที่หน้าแล้วรู้สึกเลยค่ะว่าคางกับโหนกแก้มเล็กลงมากๆ ต้องเดินเยอะๆแล้วล่ะค่ะ จะได้หายบวมไวๆ



วันที่4



หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไปทำเลเซอร์ลดบวมครั้งแรกค่ะ ยังบวมอยู่เยอะมากๆค่ะ พอไปที่โรงพยาบาลบอกว่าจะบวมมากๆอยู่1อาทิตย์ค่ะ

ถ้าประมาณนี้ถือว่าบวมไม่เยอะค่ะ แล้วก็ไม่มีรอยช้ำ ไม่มีอาการเจ็บเลย  วันนี้สระผม

น้ำไปโดนตรงที่มีแผลนิดหน่อยเลยรีบเป่าให้แห้งค่ะ

น่าจะต้องการคนที่ช่วยสระผมให้มากๆเลยค่ะ วันนี้ก็ไม่มีอะไรลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ แล้วก็ขับรถด้วย ไปจ่ายตลาดด้วยค่ะ






วันที่5

วันนี้ตอนเช้าเอาเทปที่แปะอยู่ที่คางออกแล้วค่ะ เอาน้ำมันใส่มือถูๆแล้วก็ค่อยๆดึงออกเบาๆแบบไม่เจ็บได้ค่ะ

พอเอาเทปออกแล้วตรงคางก็บวมออกมามากขึ้นค่ะ ต้องขยันรัดหน้าแล้วล่ะค่ะ วันนี้ก็ไปทำเลเซอร์ลดบวมค่ะ

ที่ปรึกษาบอกว่าไม่ได้บวมเยอะอะไรมาก แต่ว่าถ้าเดินเยอะๆก็จะช่วยให้ยุบบวมไวมากๆ ก็เดินซักสองชมก่อนแล้วจึงกลับบ้านค่ะ  พอเดินยอะๆแล้วก็ลดบวมเยอะจริงๆค่ะ






วันที่6

จนถึงตอนนี้ก็ยังบวมเยอะอยู่ค่ะ ตั้งแต่ใต้โหนกแก้มลงมา ตรงคางยุบไปเยอะแล้วก็เริ่มเห็นวีไลน์แล้วค่ะ

 ตอนเช้าบวมเยอะก็เลยเดินเล่นเยอะๆ พอตอนบ่ายก็ยุบบวมลง เป็นแบบนี้ซ้ำๆค่ะ

ถ้าใช้แค่มือจับดู ก็รู้สึกได้เลยว่าโหนกกับคางหายไปเยอะเลยค่ะ ปลายคางเวลาจับก็รู้สึกเลยค่ะว่ามันแหลมขึ้น






วันที่7

ตอนเช้าบวมมากๆเลย ก็เลยเดินเล่น1ชม พอกลับมาแล้วหายบวมไปเยอะมากๆเลย คางด้านซ้ายบวมกว่าข้างขวาค่ะ

เพราะว่า ข้างซ้ายคางใหญ่กว่าหรือป่าวก็เลยบวมเยอะมากกว่า  ไม่เจ็บอะไรค่ะ แต่ใต้ตาเหมือนมีรอยช้ำเหลืองๆหน่อยนึง

คอกับจมูกหายบวมหมดแล้วค่ะ แล้วก็ไม่มีเสลดเลย ที่โหนกแก้มบวมน้อยมากๆค่ะ แทบไม่เหลือแล้ว

เป็นเพราะว่ายุบบวมจากข้างบนไล่ลงล่างหรือเปล่า ตอนนี้เลยยังเหลือบวมอยู่ตั้งแต่ใต้จมูกลงมาถึงปลายคาง แต่ว่าก็รู้สึกเลยค่ะว่ายุบบวมเรื่อยๆตั้งแต่วันที่4เลย






วันที่9

วันนี้ตื่นมาตอนเช้า ก็เริ่มไม่ได้บวมเยอะเท่าไหร่แล้วค่ะ แล้วก็กินยาที่ได้ใบสั่งมาจนหมดแล้วค่ะ เป็นเพราะว่าตอนนี้ไม่ต้องกินยาแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ทำให้รู้สึกจิ๊ดๆที่โหนกแก้มกับคางบ้างหน่อยนึงค่ะ

แต่ก็ไม่ได้เจ็บอะไร จนถึงเมื่อวานก็ใช้แค่ยาบ้วนปาก แล้ววันนี้เริ่มใช้แปรงสีฟันเด็ก แปรงด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียวเบาๆไม่ให้โดนเหงือก แล้วก็บ้วนปากด้วยยาค่ะ ตอนนี้ใต้คางเริ่มยุบบวมแล้วค่ะ สามารถออกไปข้างนอกโดยไม่ต้องใส่มาร์กได้แล้ว



วันที่10




วันที่11 



วันนี้เอาข้าวใส่ลงไปในซุปแล้วกินครั้งแรกเลย  เพราะว่าซุปสาหร่ายสามารถช่วยให้ยุบบวมได้ ก็เลยกินซุปสาหร่ายค่ะ

ใช้เครื่องปั่นให้ละเอียดแล้วก็กินอย่างอร่อยมากๆ วันนี้ก็เดินไปสองชั่วโมงค่ะ เมื่อเทียบวันที่เคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลาเยอะๆ กับวันที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว จะเห็นความยุบบวมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยค่ะ  แต่ว่าที่ยังบวมบริเวณคางก็ยังเหมือนเดิมค่ะ

ตั้งแต่เมื่อวานเหมือนมีเสียงอึงๆอยู่ข้างในหูอ่ะค่ะ ก็เลยถามที่ปรึกษาดู บอกว่ามีบางกรณีที่มีอาการนี้เกิดขึ้นค่ะ พอเวลาผ่านไปก็จะหายไปเอง



วันที่12



วันนี้ไม่ได้นอนหัวสูง แล้วก็นอนหลับยาวเลย ก็เลยบวมมากเลยค่ะ หายบวมไปตั้งเยอะแล้ว เศร้าจังเลย วันนี้ต้องรัดหน้าเยอะๆแล้วก็ต้องเดินให้เยอะกว่าเมื่อวานแล้วล่ะค่ะ

วันนี้ก็ยังมีเสียงในหูอยู่ค่ะ น้ำหนักลดไปประมาณ4กิโลแล้วค่ะ ช่วงนี้กินแค่โจ๊ก ผลไม้ปั่น วันละ6มื้อค่ะ

ใช้เครื่องปั่นไม่ให้เหลือเป็นเนื้อเลยค่ะ อยากให้ยุบบวมไวๆจัง



วันที่13


กินเก่งมากๆเลยค่ะถ้าไม่ใช่อะไรที่ต้องเคี้ยวกินได้เยอะมาก  บางทีคางด้านขวาจะแสบๆรู้สึกเจ็บนิดหน่อยค่ะ

แต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าทนไม่ไหว เจ็บแค่ซักประมาณ 5วิแล้วก็หายค่ะ เหมือนว่าความรู้สึกจะเริ่มกลับมาค่ะ

ส่วนบริเวณริมฝีปากและแก้มด้านล่างยังมีบวมๆตุ่ยๆอยู่ อยากให้ยุบหมดมากๆเลยค่ะ



วันที่14 



วันนี้ไปดูหนังที่โรงหนังมาค่ะ  ตอนกลางวันไม่จำเป็นต้องใส่มาร์กเวลาออกไปไหนมาไหนได้แล้วค่ะ ยุบบวมไปเยอะแล้ว  

ทำศัลยกรรมโครงหน้าสามอย่างแล้วคนรอบข้างต่างก็บอกกันว่าหน้าเล็กขึ้นมากๆเลยค่ะ แล้วก็ทำให้ดูสูงมากขึ้นด้วย

ตอนที่บวมเยอะๆเครียดมากเลยค่ะ แต่ตอนนี้คิดว่าคิดถูกมากๆเลยที่ทำศัลยกรรม

ตอนนี้แถวๆคางก็ยังบวมเยอะอยู่แต่ว่าหน้าเล็กลงมากๆ ถูกใจมากๆเลยค่ะ





วันที่ 15

ในที่สุดวันนี้ก็ตัดไหมในปากค่ะ  คนรอบข้างบอกว่าตอนตัดไหมในปากเจ็บ ก็เลยกลัวมากๆ แต่ว่าจิ๊ดๆแค่นิดเดียวเองค่ะ

คุณหมอค่อยๆตัดออกเบาๆให้อย่างไม่เจ็บเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ วันนี้นแต่งหน้าเป็นครั้งแรกหลังจากทำศัลยกรรมโครงหน้า3อย่างเลยค่ะ

แล้วก็กินกาแฟในรอบสองอาทิตย์ค่ะ  ปกติกินกาแฟอย่างน้อยวันละ3แก้วเลย ทนยากมากๆเลยค่ะ  วันนี้พอตัดไหมปุ๊ปก็ไปคาเฟ่เพื่อกินกาแฟเลยค่ะ

คุณหมอบอกว่าช่วง1เดือน-3เดือน จะยุบบวมอีกเยอะเลยค่ะ  แล้วก็ตรงใต้คางจะยุบบวมช้าที่สุด ไม่ต้องกังวล



วันที่16


ตั้งแต่วันนี้ไม่ต้องกินโจ๊กแล้วค่ะ กินอาหารธรรมดาได้แล้ว ยกเว้นอะไรที่เหนียวๆ  ตอนนี้ปากอ้าได้กว้างมากกว่าตอนแรกเยอะแล้วค่ะ  ที่บวมใต้คางก็เริ่มยุบอีกนิดนึงแล้วค่ะ เมื่อดูจากด้านข้างก็เห็นเลยค่ะว่ายุบไป 



วันที่17



เวลาอ่านรีวิวในเน็ตแล้วเห็นบอกว่ากินไม่ได้ ก็คิดว่าจะต้องกินโจ๊กทั้งเดือน   แต่พอหลังจากตัดไหมเสร็จนี่ก็กินได้หมดเลยค่ะยกเว้นพวกปลาหมึกหรือเนื้อที่เหนียวๆ

แซนวิสก็กินได้ เนื้อที่นิ่มๆก็กินได้ค่ะ วันนี้กินก๋วยเตี๋ยวเกี๊ยวไปค่ะ แล้วก็กินขนมช็อคโกแลตด้วยค่ะ

ตัดช็อคโก้ชิปเป็นครึ่งนึงแล้วก็ค่อยๆกินค่ะ เกี๊ยวก็หั่นเป็นครึ่งแล้วก็กิน ส่วนเส้นก็ค่อยๆซดเข้าไปค่ะ

กิมจิก็กินได้โดยที่ไม่ต้องตัดเลยค่ะ เพราะว่ากินเก่งมากๆ คิดว่าน้ำหนักน่าจะขึ้นอีกแล้วแน่ๆเลยค่ะ  ส่วนที่ยังบวมอยู่น่าจะต้องใช้เวลาอีก

เขาบอกว่าหลังจากผ่าตัด1เดือนจะยุบบวมเยอะมากๆ อยากให้ถึง1เดือนไวๆจังเลยค่ะ



วันที่18 



ได้เจอคนรู้จักหลังจากที่ไม่ได้เจอมานาน ก็ทักว่าหน้าเล็กลงมากๆเลยค่ะ ยิ่งถ้ายุบบวมหมดก็จะเล็กลงอีกมากเลย ^^

วันนี้หิมะตกด้วย หนาวมากๆเลย ก็เลยออกไปออกกำลังกายเบาๆที่ฟิตเนสที่ไปประจำค่ะ ทุกคนต่างชมว่าหน้าเล็กลงทั้งนั้นเลย ~

แต่ว่าตอนนี้ตรงใต้ปากยังบวมเยอะอยู่เลยค่ะ  ถ้าเอานิ้วกดตรงคางก็จะบุ๋มเลยค่ะ ถ้ายุบบวมอีกก็จะเรียวอีกค่ะ


วันที่19


ทุกๆวันตอนเช้ากับเย็นก็จะกินน้ำฟักทอง1แพค  แล้วก็น้ำถั่วแดงวันละ2แก้วค่ะ เขาบอกว่าดีต่อการช่วยลดบวม  รู้สึกได้ชัดเลยว่าใต้คางลดบวมจัดเจนมาก ทั้งแม่แล้วก็พี่สาวก็บอกว่าผ่าตัดออกมาได้ดีมากๆทั้งคู่เลยค่ะ เพราะว่าอียูเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมเฉพาะทางช่องปากขากรรไกรแล้วก็โครงหน้า แล้วก็คุณหมอฝีมือดี ก็เลยออกมาดีค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรมโครงหน้าหรือศัลยกรรมขากรรไกร เคยเห็นคนที่ทำออกมาแล้วไม่เป็นธรรมชาติ แต่ว่าของดิฉันนั้นทั้งออกมาเป็นธรรมชาติแล้วก็ตอนนี้ยังไม่ถึง3อาทิตย์ดีเลย ก็ยุบบวมมากๆแล้ว ตื้นตันมากๆเลยค่ะ


วันที่20



วันนี้ออกไปออกกำลังกายตั้งแต่เช้าเลยค่ะ1ชม แล้วก็ไปคาเฟ่ ไปกินข้าว แล้วก็ไปจ่ายตลาดค่ะ แซนวิสกินเข้าไปทั้งคำไม่ไหวเลยตัดแล้วก็ทานทีละนิดๆค่ะ ถ้าไม่เหนียวหรือว่าไม่แข็งก็สามารถเคี้ยวได้เป็นอย่างดีค่ะ  แล้วก็ชีวิตประจำวันก่อนและหลังทำการผ่าตัดก็เหมือนๆกัน

เมื่อคืนก็กินมื้อดึกตอนกลางคืน แล้วตอนเช้าก็ตื่นมาบวมมากเลยค่ะ พอมาออกกำลังกายก็ยุบบวมทันทีเลย

สงสัยควรจะต้องงดกินมื้อดึกแล้วล่ะค่ะ แล้วก็เพราะว่าผ่าตัดออกมาได้ดี ก็เลยทำให้พักฟื้นได้ไวด้วยค่ะ



วันที่21



วันนี้ออกกำลังกายไป2ชม.ค่ะ  ออกกำลังกายแบบไม่ฝืนอะไร พอออกกำลังกายก็ทำให้ยุบบวมได้ดีขึ้นก็เลยอยากออกกำลังกายนานๆเลยค่ะ

ก่อนหน้านี้ ถ้าหมุนคอแล้วรู้สึกเจ็บ แต่ว่าวันนี้ทำแล้วไม่เจ็บแล้วค่ะ

เหมือนว่าร่างกายจะฟื้นดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ



วันที่22


เพราะว่าหน้าเล็กลงไปมากๆ เวลาดูกระจกก็ยังไม่ชินอยู่เลยค่ะ  ใต้คางก็ยังบวมอยู่ค่ะ ตอนแรกคางใหญ่มากๆแล้วก็ไม่เท่ากันมากด้วยค่ะ พอเริ่มค่อยๆยุบบวม แล้วก็เริ่มเห็นว่าคางเริ่มเข้าที่เริ่มดูสมดุลค่ะ วันนี้กินข้าวผัดเนื้อค่ะ  ตัดให้เป็นเล็กๆ ทราบมาว่าเนื้อวัวนั้นต้องรอให้ผ่านไปซักเดือนสองเดือน แต่ก็จริงๆแล้วถ้าไม่ใช่ส่วนที่เหนียวก็จะสามารถทานได้ ก็เลยทานอย่างระมัดระวังค่ะ หายไวมากๆเลย ดีมากเลยค่ะ 



วันที่23


วันนี้ไปเดินเล่นมาค่ะ แล้วก็กินของอร่อยๆ พักผ่อนค่ะ วันนี้กินสเต๊กส่วนที่นิ่มๆไป ตัดให้เล็กๆแล้วก็กินอย่างอร่อยเลยค่ะ  ที่รัดหน้าใส่แค่นานๆที แล้วก็ใช้เครื่องนวดหน้าเบาๆค่ะ ไม่ให้โดนกับกระดูกที่สุด นวดฝั่งตรงที่บวมเยอะๆอ่ะค่ะ ก่อนกับหลังนวดแตกต่างกันอย่างชัดเจนเลย 



วันที่24



วันนี้ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสมาแล้วก็เจอคนรู้จักก็บอกว่าหน้าเล็กลงมากๆ แล้วก็ดูเหมือนน้ำหนักลดลงด้วยนะเนี่ยทั้งนั้นเลยค่ะ จริงๆแล้วน้ำหนักขึ้นแล้ว แต่หน้าเล็กลงเลยดูเหมือนน้ำหนักลงไปด้วยมั๊งคะ

เป็นเพราะว่าออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วหลายปีก่อนหน้านี้หรือเปล่า นี่ยังไม่ถึงเดือนเลยแต่ก็ออกกำลังกายกล้ามเนื้อหนักๆแล้ว แค่ระวังไม่ให้โดนหน้าค่ะ

พอออกกำลังกายแล้วช่วยยุบบวมได้เยอะจริงๆเลยค่ะ ตอนเช้าๆหน้าจะบวม แต่พอไปออกกำลังกายซัก1ชม ออกมาหน้าก็เล็กลงอีกค่ะ น่าประหลาดใจมากๆเลย

นอกจากบริเวณใต้คางแล้วบริเวณอื่นก็ยุบบวมไปเกือบหมดแล้วค่ะ



วันที่25


เมื่อก่อนจะไม่ค่อยมัดผมขึ้นโดยที่ไม่มีผมหน้าม้า  แต่ว่าเดี๋ยวนี้มัดผมขึ้นบ่อยๆได้แล้วล่ะค่ะ

พอหลังผ่าตัดแล้วยุบบวมแล้ว มัดผมขึ้นแล้วก็ดูเข้ากับหน้ามากๆ ดีจังเลยค่ะ



วันที่26


ไลน์คางดูหวานขึ้นมากๆเลยค่ะ ตอนแรกเพราะว่ายังบวมๆอยู่ ก็เลยทำให้ดูแข็งๆ แต่พอยุบบวมไปเยอะแล้วก็รู้สึกว่ามันสมูทมากขึ้นค่ะ ที่รัดหน้าก็ใส่อยู่เรื่อยๆค่ะ แล้วก็นวดบริเวณใต้คางอย่างระวัง แล้วก็ต้องออกกำลังกายแล้วก็นวดทุกวันเลยค่ะ  ช่วยยุบบวมได้มากจริงๆ 



วันที่27


ก่อนหน้านี้ปากอ้าได้ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ตอนนี้อ้าได้เยอะมากๆแล้วค่ะ ถ้าศัลยกรรมโหนกแก้มแล้วจะอ้าปากไม่ค่อยได้ช่วง1-2เดือน  แต่ว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะผ่าตัดออกมาได้ดีมากๆหรือเปล่าตอนนี้ยังไม่ถึง1เดือนเลยก็สามารถอ้าปากได้ดีแล้วค่ะ

อาหารก็ไม่จำเป็นต้องตัดเป็นชิ้นเล็กๆไปหมดก็สามารถทานได้ดีค่ะ แต่ว่าก็ยังต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่เหนียวๆค่ะ  ขนมปังฝรั่งเศสที่แข็งๆก็สามารถทานได้ค่ะ ช่วงนี้ก็ทานมื้อดึกทุกวันเลย น้ำหนักที่ลดไป ขึ้นมาอีกแล้วค่ะ พักฟื้นได้ไวมากๆเลย


วันที่28



เพราะว่าเมื่อวานทานอาหารเค็มๆไปหรือเปล่าก็ไม่ทราบนะคะ วันนี้หน้าบวมมากๆเลยค่ะ คิดว่าควรจะต้องเลี่ยงการทานอาหารเค็มๆหรือว่ามื้อดึกจนกว่ารอยบวมที่ยังเหลืออยู่จะหายไปจนหมดนะคะ

แต่ก็ว่าเวลาไปออกกำลังกายกลับมาก็ยุบบวมไปเยอะเลยค่ะ  ถึงแม้ว่าหน้าจะบวมอยู่แต่ว่าหน้าก็เล็กลงกว่าเมื่อก่อนมากๆเลย

เมื่อก่อนเวลามาร์กหน้าแล้วแผ่นมาร์กพอดีหน้าเป๊ะเลย แต่ตอนนี้แผ่นเลยออกมาเลยค่ะ  แล้วก็ถูกใจมากๆเลยค่ะโครงหน้าดูหวานขึ้นมากๆ  รอให้ยุบบวมให้หมดอย่างเดียวเลยค่ะ



วันที่29


จนถึงก่อนหน้านี้เวลาหัวเราะบริเวณโหนกแก้มกับคางก็ยังตึงๆอยู่ แต่ไม่รู้เป็นเพราะว่าประสาทความรู้สึกเพิ่งกลับมาหรือเปล่า ตอนนี้เวลาหัวเราะก็ไม่ตึง ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ  

ตอนนี้ก็ยังบวมตอนเช้าแล้วก็ตอนเย็นก็หายบวม เป็นแบบนี้วนไปค่ะ

เพราะว่าอยากกินหมูสามชั้นย่างมากๆ ก็เลยย่างกินแล้วตัดอีกครึ่งให้กินอีก วันนี้อ้าปากได้กว้างกว่าเมื่อวานอีกค่ะ



วันที่30

วันนี้ครบ1เดือนค่ะ  ครบเดือนแล้วดูเหมือนว่ารอยบวมใหญ่ๆหายไปเยอะเลยค่ะ ที่ยังเหลืออยู่ก็น่าจะค่อยๆยุบไปเรื่อยๆจนถึงสามเดือน

ตรงใต้คางก็ยังยวมเยอะอยู่เลยค่ะ  เวลามองจากด้านหน้าแล้วไม่เห็นค่ะว่าบวมอยู่เพราะว่าคางบังอยู่ แต่ถ้ามองจากด้านข้างแล้วก็จะเห็นว่าบวมค่ะ ดูเหมือนมีเหนียงอยู่อ่ะค่ะ   ไม่ได้ดูออกชัดเจนอะไรมากถ้าไม่ได้จ้องชัดๆ เวลาจับก็แข็งๆค่ะ

วันนี้กินต๊อกปกกีไปค่ะ แล้วก็ของทอดด้วย ตอนกินไม่ได้ลำบากอะไรเลยค่ะ กินได้ดีเลย

แต่ก็ยังคงต้องระวังอยู่จนกว่าจะครบบ6เดือนค่ะ เวลาทานต้องค่อยๆทานช้าๆค่ะ  ตอนนี้ก็รอให้ใต้คางหายบวมไวๆค่ะ


วันที่33


ยุบบวมไปเยอะเลยค่ะ ใต้คางที่บวมเยอะๆก็เริ่มหายบวมแล้วค่ะ ถ้ายิ่งยุบบวมไปอีก หน้าก็จะเล็กมากๆเลย

ก่อนนี้ไม่เข้ากับผมดำ แต่ว่าเพราะโครงหน้าสวยขึ้นหรือเปล่าไม่รู้นะคะ ตอนนี้ทำผมดำก็ดูเข้ากันแล้วค่ะ



วันที่35


ตอนนี้เวลาหาวก็ไม่ตึงคางแล้วค่ะ อ้าปากได้กว้างมากๆแล้ว เวลาเคี้ยวพวกเนื้อสัตว์ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร

ยังเหลือบวมอยู่อีกค่ะ ตอนนี้ก็กินพวกน้ำฟักทองกับน้ำถั่วแดงที่ช่วยยุบบวมอยู่ตลอดค่ะ



วันที่38



ช่วงนี้ก็ออกกำลังกายกล้ามเนื้อไม่ให้โดนคางกับโหนกแก้มอยู่ค่ะ ตั้งแต่หลังผ่าตัด3อาทิตย์ก็เริ่มออกกำลังกายกล้ามเนื้อด้วยมือเปล่า ตอนนี้ก็เริ่มยกดัมเบลอันที่หนักมากขึ้นด้วยแล้วค่ะ

พอคนรู้จักเห็นว่าฉันออกกำลังกายอยู่แล้วก็บอกว่าไม่ได้หายไวเกินไปหรอกหรอเนี่ย หายยุบบวมไวมากๆจริงๆเลยค่ะ

แล้วก็น้ำหนักลดไปหลังผ่าตัดหรือเปล่า เพราะว่าหน้าเล็กลงมากๆ  ก็เลยได้ยินแบบนี้บ่อยๆเลยค่ะ

ส่วนบริเวณใต้คางตอนนี้ก็ยังบวมแล้วก็แข็งๆอยู่ แต่ว่าเวลาดูกระจกก็ค่อยๆยุบบวมลงไปเรื่อยๆค่ะ



วันที่41

ตอนนี้เวลาทานอาหารไม่มีอะไรไม่สะดวกแล้วค่ะ  เวลาเคี้ยวนานๆก็ไม่มีอาการตึงที่คางแล้วค่ะ
ตอนนี้ก็ไม่ต้องหั่นแซนวิสแล้ว สามารถกินได้ทั้งชิ้นเลย เพราะว่าอ้าปากได้กว้างขึ้นแล้วค่ะ



วันที่48


ตรงคางที่ชาๆเริ่มหายแล้วค่ะ ตอนนี้ความรู้สึกเริ่มกลับมาเกือบเต็มที่แล้ว ปากก็อ้าได้กว้างแล้วค่ะ

เพราะว่าอ้าปากได้เยอะแล้วก็สามารถกินอาหารที่เหนียวได้บ้างแล้ว

ยุบบวมไปเยอะมากๆแบบว่าถ้าไม่บอกก่อนก็ไม่รู้ว่าทำศัลยกรรมมาค่ะ

 

 

 

 

วันที่60

 

พอสองเดือนแล้วหน้าก็เริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้นมากๆค่ะ ถ้าบอกว่าทำหน้ามาก็จะตกใจกันทั้งนั้นเลย มีแต่คนคิดว่าลดความอ้วนไปเยอะกันทั้งนั้นเลยค่ะ บอกว่าไม่รู้เลยว่าศัลยกรรมมา

ปากยังไม่สามารถอ้าได้เต็มที่ทั้งหมดค่ะแต่ว่าก็อ้าได้เยอะกว่าการที่เอานิ้ว2นิ้วใส่ในปาก

แล้วก็กินอาหารเหนียวๆได้แล้วค่ะ บางทีก็ลืมไปเลยว่าทำศัลยกรรมมา ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายมากๆเลยค่ะ

 

 

 

วันที่63


 

 ปกติถ้าถ่ายรูปมุมเสยจะเห็นรอยบวมใต้คาง ก็เลยไม่ได้ถ่ายมุมเสยเลย

แต่ตอนนื้ก็ยุบบวมไปจนสามารถถ่ายรูปมุมเสยได้แล้วค่ะ

ยังไม่ได้ยุบบวมหมดแต่ก็ยุบไปในระดับที่ไม่ต้องใส่ใจแล้วค่ะ

 

วันที่67

พอผ่านไปสองเดือนแล้วที่บวมเยอะๆก็หายเกลี้ยงแล้วค่ะ เหลือแค่รอยบวมเล็กๆ

ใส่ที่รัดหน้าตอนเย็นประมาณ2ครั้ง แล้วก็ใช้เครื่องนวดหน้าประมาณ10นาทีค่ะ

นวดตรงบริเวณที่ยังบวมตรงใต้คางอยู่ค่ะ

 

 

วันที่72

ไปโรงพยาบาลมาเพื่อเช็คผลหลัง2เดือนค่ะ  คุณหมอบอกว่ากระดูกยังไม่ติดกันดี ยังให้ระวังอยู่

จะต้องใช้เวลาประมาณ6เดือนค่ะ แล้วก็ให้ดูรูปก่อน-หลังทำศัลยกรรม โครงหน้าดูอ่อนโยนขึ้นเยอะเลยค่ะ แล้วก็เล็กลงเยอะเลย

ตอนนี้ความรู้สึกกลับมาหมดแล้ว แต่ว่ายังคงมีความรู้สึกแปล๊ปๆอยู่บ้างค่ะ

 

 

วันที่77

เหมือนจะยุบบวมทีละนิดๆ แต่ว่าหน้าก็เป็นธรรมชาติมาขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากๆเลยค่ะ
เพื่อนๆก็บอกว่าดูไม่ออกเลยว่าศัลยกรรมมา ออกกำลังกายทุกวันเลยค่ะ ปากก็อ้าปากได้ดีขึ้นมากๆ ตอนนี้ก็เลยกินได้เก่งมากๆ น้ำหนักก็เลยขึ้นด้วยค่ะ

 

 

วันที่84 

ตอนนี้ก็ผ่าตัดมาได้3เดือนแล้วค่ะ เหลือให้ยุบบวมอย่างเดียวก็น่าจะโอเค
อาหารการกินก็ไม่มีอะไรที่กินไม่ได้แล้วค่ะ กินได้ดีมาก เวลาขยับแล้วจะแปล๊บๆก็ไม่เป็นแล้ว เวลาขยับคางก็สบายมากขึ้นแล้วค่ะ

 

 

วันที่95

ใต้คางยุบบวมไปมากๆเลยค่ะ เพราะว่าผ่าตัดมาได้3เดือนแล้วหรือเปล่า ก็ยิ่งเป็นธรรมชาติมากขึ้นมากๆเลยค่ะ

ไม่มีอะไรเป็นปัญหาต่อชีวิตประจำวัน แล้วก็ความรู้สึกที่หน้ากลับมาทั้งหมดแล้วค่ะ

แล้วก็สามารถหาวอ้าปากแบบกว้างๆได้แล้วค่ะ

 

 

 

วันที่105

ยังเหลือรอยบวมที่ใต้คางอยู่นิดหน่อยค่ะ ถ้าบอกคนรู้จักว่าทำหน้ามาก็จะมีแต่คนตกใจค่ะ บอกว่าเป็นธรรมชาติมากๆ

ก่อนผ่าตัดบอกว่าไม่อยากให้ตัดคางออกไปเยอะ อยากได้แบบเป็นธรรมชาติค่ะ

ตอนนี้พอใจมากๆเลยค่ะ ชอบมากเลย

 

 

 

3เดือน 


ก่อนหน้านี้ถ้าฝืนอ้าปากก็จะเจ็บค่ะ แต่ว่าตอนนี้อ้าได้กว้างมากๆไม่เจ็บเลย

ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติดีเลยค่ะ

 

4เดือน

ทำศัลยกรรมมาได้4เดือนแล้วค่ะ โครงหน้าเป็นธรรมชาติมากขึ้นมากๆเลย

รอยบวมใต้คางที่เคยกังวลก็แทบจะไม่เหลือแล้วค่ะ

หน้าเล็กลงมากๆ ชอบมากๆเลยค่ะ

 

 

5เดือน

ก่อนหน้านี้ถ้าจับบริเวณโหนกแก้มจะรู้สึกแปล๊บๆนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกเจ็บอะไรแล้วค่ะ

ใต้คางก็ไม่มีความรู้สึกแบบว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่แล้วค่ะ บางทีก็ลืมอยู่บ่อยๆว่าทำศัลยกรรมมา

ก็เผลออ้าปากกว้างๆแล้วก็หาวค่ะ สบายดีขึ้นมากๆเลยค่ะ


เดือนที่6


ตอนนี้ครบครึ่งปีแล้วคะ พอหลังอาการบวมลดลง รู้สึหว่าเวลผ่านไปเร็วมากดลยค่ะ

เมื่อก่อนพอใส่ที่คาดผมจะทำให้กรามดูโดดเด่นมาก ตอนนี้อาการบวมยุบลงแล้ว ดีใจมากเลยคะ โครงหน้ากลายเป็นรูปไข่แล้ว ใส่ที่คาดผมได้แล้วค่ะ


 

 

เดือนที่7



ตอนนี้อ้าปากกว้างๆได้แล้ว ไม่มีปํญหาอะไรเลย สารมารถแทะกระดูหซี่โครง เคี้ยวอาหารแข็งได้แล้วค่ะ

เมื่อก่อนพอใส่แล้วไม่เข้ากับหน้าเลย ตอนนี้พอใส่หมวกก็มีแต่คนชมว่าสวย

 

เดือนที่8


พอหลังอาการบวมยุบลง เวลาผ่านไปเร็วมากๆเลยค่ะ ผ่าตัดครบ8เดือนแล้วค่ะ

หน้าเล็กลงแล้ว พอใจมากๆเลยค่ะ




 

 

เดือนที่9




ผ่าตัดโครงหน้าครบ9เดือนแล้วค่ะ

ตอนนี้สามารถกินอาหาร เหนียวๆ อย่างเช่น ซี่โครงกระดูกหมู เนื่อแดดเดียว ได้แล้ว และพอหน้าเล็กลงมี่แต่คนทักว่าดูสูงขึ้น เนื้อแก้มที่หน้าก็ไม่ย้อยลงมาเลยค่ะ เมื่อก่อนเวลาตอนนอนตะแขง จะรู้สึกเจ็บที่โหนกแก้ม ตอนนี้ไม่รู้สึกเจ็บแล้วค่ะ



เดือนที่10

ตอนนี้ผ่าตัดครบ10เดือนแล้วค่ะ ไม่มีอาการแก้มย้อย ใช้ชีวิตปกประจำวันได้ปกติมากเลยค่ะ

ช่างนี้ไปไหนก็มีแต่คนชมว่าสวยขึ้นค่ะ



 

เดือนที่11




ตอนนี้พอใจโครงหน้าตัวเองมากเลยค่ะ ดูสวยหน้าเรียวเป็นธรรมชาติมากเลยค่ะ

ตอนนี้สามารถกลับมากินอาหารเหนียวๆ อย่างเช่น ซี่โครงกระดูกหมูได้ปกติแล้วค่ะ





เดือนที่12

 


 

ตอนนี้ผ่าตัดครบ1ปีแล้วค่ะ  ตอนแรกๆกังวลมาก ว่าหน้าจะห้อยลงมามั้ย แต่ก็ไม่มีการนั้นเลย

เส้นประสาทความความรู้สึก ก็กลับมาเหมือนเดิมแล้วค่ะ

พอหน้าเล็กลงมัดรวบผม ก็มีแต่คนชมว่าสวย ดีใจมากๆเลยค่ะ

 

 

 

 

  • รายการ

바로 상담하기