เมื่อตอนฉันอายุ 19 ปี ตอนที่อ้าปาก, เคี้ยวอาหาร หรือพูดคุย ฉันรู้สึกปวดคาง และมีเสียงที่คาง "กึกๆ
" ฉันจึงไปที่คลินิกทันตกรรม ในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย
และได้ยินเรื่องราวที่น่าตกใจ ปกติคนทั่วไปเวลาเติบโต ขากรรไกรบน
และขากรรไกรล่างมักจะ โตขึ้นพร้อมกัน และฟันจะสบกันปกติ
ส่วนเคสของฉันขากรรไกรบนโตขึ้นปกติ แต่ขากรรไกรล่าง เล็กมากผิดปกติ
ทำให้ฟันไม่สบกัน ทำให้มีเสียงและมีอาการปวดได้ค่ะ
และคุณหมอได้กล่าวว่าถ้าหากไม่ได้รับการผ่าตัดขากรรไกร อาจทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน
อายุของกระดูกจะเท่าคุณยาย ดังนั้นจะมีปัญหาในการเคี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่สนับสนุนให้ผ่าตัดขากรรไกร
และมีปัญหาของการเข้ามหาลัยด้วย เลยทำให้ไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัดขากรรไกร
เวลาผ่านไปเกือบ 10 ปี ฉันได้ใช้ความกล้าอย่างมากในการเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัด
ตอนนี้ฉันกำลังมองหาโรงพยาบาล
เพื่อดูว่าโรงพยาบาลบางแห่งสามารถลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงได้หรือไม่
และฉันมาที่โรงพยาบาลอียู เพื่อที่จะลองมากปรึกษากับพวกเขา
ฉันมีความรู้สึกว่าฉันควรจะเชื่อใจโรงพยาบาลนี้
อันดับแรกฉันเชื่อใจพวกเขามากขึ้นเล็กน้อย เพราะไม่ใช่ศัลยแพทย์ทั่วไป
แต่เป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางช่องปากและโครงหน้าขากรรไกร ที่จบจากมหาวิทยาลัยทันตกรรม
เมื่อฉันไปโรงพยาบาลเป็นครั้งสุดท้าย ฉันชอบที่มีวิสัญญีแพทย์อยู่ประจำ
และคนไข้ไม่แออัดเกินไป และเงียบพอสมควร และพนักงานก็เป็นมิตรกับฉัน
ฉันกำลังจะผ่าตัดเร็วๆ นี้! ฉันหวังว่าจะสวยขึ้น
และสุขภาพดีขึ้นเมื่อผ่าตัดขากรรไกร!
[วันผ่าตัด]
พี่สาวของฉันมาเยี่ยมฉันทันทีหลังการผ่าตัด เธอได้ดูแลฉันจนถึง 21.00 น.
ฉันนึกไม่ถึงว่าฉันจะผ่านความทุกข์ทรมานมาได้โดยไม่มีพี่สาว
หลังจากการผ่าตัดพยาบาลบอกฉันว่าฉันไม่ควรหลับ... เนื่องจากการดมยาสลบ
ทำให้มีแก๊สอยู่ภายในร่างกายของฉัน ฉันควรตื่นและนั่งหายใจเข้าลึกๆ
เพื่อขับแก๊สในร่างกายออกค่ะ แต่ฉันรู้สึกง่วงมากๆ แต่พยายามที่จะไม่หลับ
แม้ว่าฉันจะมียาแก้ปวด แต่ก็รู้สึกปวดๆ และอึดอัดตลอดเวลา
และขณะที่ยาเข้ามาในร่างกาย ทำให้คลื่นไส้อยากอาเจียนมากๆ เลยค่ะ
แต่ฉันก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ บางครั้งเวลาไอแรงๆ ทำให้เลือดเป็นก้อนๆ ออกมาจากคอ
และเลือดกำเดาไหลตลอดทั้งวันเลยค่ะ
หลังจากการผ่าตัดประมาณหกชั่วโมงอาการของฉันดูเหมือนจะพอทนได้ ฉันรู้สึกเหงาน้อยลง
เพราะมีพยาบาลใจดีมาเยี่ยมฉัน และตรวจความดัน และเข้าดูอาการ ฉีดยาแก้อักเสบ ทุกๆ
หนึ่งถึงสองชั่วโมงตลอดทั้งคืน
ฉันอาเจียนออกมาพยาบาลก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าห่มให้ พยาบาลต้องเป็นนางฟ้าจริงๆ
แน่ๆ เลยค่ะ
[ผ่าตัด D+1]
ตอนเช้าประมาณ 7โมง ฉันได้ทำเลเซอร์ และพยาบาลบอกว่าตั้งแต่วันนี้ต้องเริ่มกินอาหาร
เลยได้ให้อาหารเสริม นิวแคร์ 1กล่อง และสายฉีดยา 1อัน ฉันใช้สายฉีดยา กินน้ำ ->
กินอาหารเสริม นิวแคร์ -> และกินน้ำอีกรอบ ดีใจที่กลืนเครื่องดื่มได้อย่างสบายๆ
โดยไม่มีอาการปวด หลังจากนั้นฉันก็เดินไปรอบๆ โรงพยาบาล
ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนที่มีสุขภาพดีที่สุดในโรงพยาบาลนี้! หมอมาเยี่ยมฉันประมาณ 10.00 น. และได้เช็ดแผลฆ่าเชื้อให้ฉัน
และสอนวิธีใส่เวเฟอร์ และรัดยางรอบฟันของฉัน หลังจากนั้นฉันรู้สึกหายใจลำบากมาก
ฉันเลยได้กดออดเรียกพยาบาลเพื่อฉีดยาจมูก นอกจากนี้ผ้ารัดหน้ายังคงเป็นเรื่องที่อึดอัดสำหรับฉันมาก
[ผ่าตัด D+2]
ในที่สุดฉันได้ออกจากโรงพยาบาล ฉันได้รับการรักษาด้วยเลเซอร์ที่ตอน 7 โมงเช้า และแพทย์ก็ทำการเช็ดแผลฆ่าเชื้อให้ฉัน!
เมื่อฉันสวมผ้ารัดหน้ามันทำให้หายใจไม่ออกจน เดินไม่ได้อีกต่อไป
จึงตัดสินใจกลับไปบ้านโดยไม่ต้องใส่ที่รัดหน้าค่ะ
รู้สึกกังวลมากเพราะฉันต้องนั่งรถบัสกลับบ้าน โดยใช้เวลา 5ชั่วโมงค่ะ หลังออกจากโรงพยาบาลได้เดินไปที่ทอมินอลรถบัส
รู้สึกอึดอัดและเวียนหัวมากๆ เลยค่ะ อยากให้ถึงบ้านไวๆ จังเลยค่ะ
ในที่สุดก็ได้ถึงบ้าน ได้กินยา และอาหารเสริมนิวแคร์ที่ซื้อที่ร้านขายยาค่ะ
ฉันเหนื่อยมากจนพยายามจะหลับบนโซฟา… แต่มันล้มเหลวเพราะฉันไม่ชินกับการนอนหลับสนิทในขณะที่ฉันนั่งลง
[D+3]
เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าฉันรู้สึกว่าไม่ช้าก็เร็ว
ต้องเป็นโรคหูน้ำหนวกเหมือนในรีวิวของคนอื่นๆ แน่ๆ เลยค่ะ รู้สึกหูอื้อทั้งสองข้าง
ตั้งแต่หลังผ่าตัดจนถึงตอนนี้ ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้ยินเสียงเพราะหูอื้อ
วันนี้อาการปวดยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ในวันนี้ฉันจึงยากที่จะใส่ที่รัดหน้าค่ะ
ถึงกระนั้นฉันก็ยังคงฝึกทำอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 30 นาที จากหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ค่อยถอดพัก 30 นาที เพราะต้องใส่ที่รัดหน้าแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
ดังนั้นฉันพยายามใส่ที่รัดหน้าให้มากที่สุด! ตั้งแต่วันนี้ก็ฉันสามารถอาบน้ำ
ล้างหน้าได้แล้ว ดังนั้นฉันจึงแกะเทปที่ใต้คางออกในตอนเช้าด้วยตัวเอง
จากนั้นฉันก็ลุกขึ้นมาสระผมและอาบน้ำ ฉันโชคดีที่ดูเหมือนว่าฉันค่อยๆ
กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ ไม่มีปัญหาอะไรคะ
[D+5]
รู้สึกกังวลมากเลยค่ะ เพราะหูข้างซ้ายของฉันรู้สึกปวดหนักขึ้นเรื่อยๆ
และสิ่งที่ทรมานมากที่สุดคือ ไม่ใช่ความอึดอัดเวลานอน เพราะหายใจไม่สะดวก
แต่เวลานอนรู้สึกเจ็บหูมากเหมือนโดยตัดหู จนนอนไม่หลับเลยค่ะ
วันจันทร์จะไปโรงพยาบาลอียู และวันอังคารว่าจะไปโรงพยาบาลหูคอจมูก
สภาพแย่ลงเรื่อยๆ แย่ลงเรื่อยๆ หูของฉันเจ็บมากจน
แทบจะไม่สามารถนอนหลับได้นานกว่าหนึ่งชั่วโมงเลยค่ะ
[D+7]
วันนี้ฉันไปโรงพยาบาลเพื่อเช็ดฆ่าเชื้อ!
ที่จริงแล้วใบหน้าของฉันดูอ้วนมากหลังการผ่าตัด ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นโรคซึมเศร้า
อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ฉันไปอียู
พนักงานทุกคนปฏิบัติกับฉันเป็นอย่างดีซึ่งทำให้ฉันรู้สึกดีมาก!
วันนั้นฉันพยายามค้นหา youtube มากมายเกี่ยวกับการผ่าตัดขากรรไกร!
เมื่อลองค้นดูมีคนบอกว่าหลังผ่าตัดคนไข้ต้องฝึกยิ้มให้ดี
ถ้าอยากยิ้มเป็นธรรมชาติหลังทำศัลยกรรม!
ฉันจะพยายามฝึกฝนให้ดีที่สุดเพื่อที่ฉันจะได้ยิ้มได้สวยขึ้น
[D+8]
รอยช้ำที่ลงมาที่คอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง คุณพ่อคุณแม่
หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ฉันก็เริ่มเรียนอีกครั้ง
เพราะสภาพและการหายใจของฉันไม่ต่างจากปกติ ฉันไม่มีอาการหายใจไม่ออก หรือเลือดกำเดาไหลขณะที่มองหนังสือโดยก้มหน้าลงบนโต๊ะทำงานแล้วค่ะ
แต่ฉันกังวลว่าแก้มจะย้อยเพราะก้มหัวลงมานานเกินไป ฉันไม่ได้พูดถึงเลย
เพราะฟันของฉันถูกรัดไว้บนเวเฟอร์และเหล็กดัดฟัน
หมอยังบอกฉันว่าอย่าขยับคางให้มากที่สุด จนกว่าฉันจะตัดไหมออก ฉันเลิกพูดไปสักพัก
และนั่งสมาธิเงียบ เพราะคนไม่เข้าใจการออกเสียงของฉัน
ดูเหมือนว่าจะเหมาะสำหรับการเรียนเพราะฉันไม่สามารถพูดคุยได้
[D+9]
อาการบวมของเมื่อวานและวันนี้แตกต่างกัน
ฉันยังรู้สึกเหมือนกำลังกัดขนมที่แก้มทั้งสองข้าง และคางของฉันบวม
พ่อกับแม่บอกว่าหน้าตาดีขึ้นกว่าตอนก่อนผ่าตัด
ฉันเคยมีภาพลักษณ์ที่เย็นชาและคมชัดมาก่อน
แต่ตอนนี้ใบหน้ากลมของฉันดูน่ารักและดูดีขึ้นมาก
หมอบอกฉันว่าฉันควรใส่ที่รัดหน้าบ่อยๆ จนถึงสัปดาห์ที่สอง
ดังนั้นฉันจึงพยายามสวมมันทุกๆ 30 นาทีและใส่มันประมาณสองชั่วโมง กรามของฉันก็เริ่มเจ็บ
ฉันเคยมีปัญหาที่ขากรรไกรที่ และมีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่ออย่างรุนแรง
แต่ทุกอย่างเหมือนดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ ฉันต้องการตัดไหมเร็วๆ
เพื่อที่จะแปรงฟันได้ค่ะ
[D+11]
ฉันพยายามอย่างเต็ม ที่จะใส่ที่รัดหน้า อย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง! ปกติผิวของฉันเองก็ไม่ค่อยเต่งตึงอยู่แล้ว และฉันไม่ต้องการให้ใบหน้าหย่อนคล้อยไปมากกว่านี้
ฉันยังคงมีอาการบวมที่บริเวณแก้ม คนอื่นยังไม่รู้ว่าฉันผ่าตัดขากรรไกร
ฉันเลยบอกไปว่าเพิ่งไปถอนฟันคุด โชคดีที่พวกเขาเชื่อคำพูดของฉัน :)
หลังผ่าตัดฉันลดน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัมและฉันอยากกินเนื้อย่างมากเลยค่ะ
[D+12]
ฉันได้แต่งหน้าเป็นครั้งแรกหลังผ่าตัดค่ะ!
เนื่องจากวันนี้จะไปดูหนังกับครอบครัวค่ะ!
ชอบเห็นหน้าตอนแต่งหน้าหลังผ่าตัดมากเลยค่ะ!
ฉันไม่จำเป็นต้องแต่งรูปภาพของฉันอีกต่อไป!
ฉันรอคอยที่จะเห็นโครงหน้าที่เรียวชัดขึ้นไม่ไหวแล้วค่ะ
[D+13]
เมื่อได้อ่านรีวิวของคนอื่น สามารถแบ่งได้เป็น 2ประเภทค่ะ อย่างแรกคือ หลังผ่าตัดผิวแย่ลง และหลังผ่าตัดผิวดีขึ้นค่ะ
แต่ฉันเป็นเคสหลัง ก่อนผ่าตัดถ้าต้องพบคุณหมอหน้าสด กลัวผิวดูแย่มากๆ
กลัวว่าคุณหมอตกใจ แต่หลังผ่าตัด 1อาทิตย์ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยาแก้อักเสบ หรือเพราะกินแต่อาหารเหลวๆ
ผิวดีมากที่สุดในชีวิตของฉันเลยค่ะ
เมื่อฉันดูรีวิวของคนอื่นหลายคนมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดหลังการผ่าตัดขากรรไกร...
อาจจะเป็นเพราะการผ่าตัดสิ้นสุดลงอย่างปลอดภัย ฉันก็อยากจะสวยขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับฉันหลังการผ่าตัดจมูกของฉันดูกว้าง และฉันก็อยากทำจมูกด้วย!
ในที่สุดฉันก็ไปโรงพยาบาลเพื่อตัดไหมออกในวันพรุ่งนี้
ฉันหวังว่าฉันจะได้กำจัดเวเฟอร์ได้โดยเร็ว
[D+14]
วันนี้ฉันได้ไปโรงพยาบาลเพื่อตัดไหมในปากออกค่ะ
ตามที่ฉันอ่านจากรีวิวคนไข้ผ่าตัดขากรรไกร
บอกว่าเวลาตัดไหมด้านบนริมฝีปากจะรู้สึกเจ็บนิดหน่อยค่ะ เจ็บแบบพอทนได้ค่ะ
เพราะหลังผ่าตัดไม่ได้อ้าปากเลย การอ้าปากยากกว่าเยอะเลยค่ะ
ตั้งแต่วันนี้ฉันสามารถแปรงฟัน
และออกกำลังกายกล้ามเนื้อปากหลังจากเอาเวเฟอร์ออกได้
หลังเอาเฟอร์ออกรู้สึกสบายปากมากเลยค่ะ ฉันหวังว่าจะได้เอาเวเฟอร์ออกเร็วๆ นี้!
ตั้งแต่วันนี้ฉันต้องสวมยางรัดที่บริเวณสกรูด้วยตัวเอง
เวลาฉันยิ้มฉันรู้สึกว่าริมฝีปากขวาและซ้ายของฉันดูแตกต่างกัน
[D+15]
ฉันไม่เคยเดินเลยหลังผ่าตัด เพราะฉันกลัวว่าจะเป็นลมเพราะไม่ค่อยมีแรง
เมื่อวานนี้ฉันรู้สึกดีเมื่อที่ปรึกษาของบอกว่าฉันดูไม่ค่อยบวม
เมื่อเทียบกับคนไข้รายอื่น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันเริ่มกินโสมแดง อาหารเสริม
และอาหารเพื่อสุขภาพอื่นๆ ที่ฉันเคยกินก่อนการผ่าตัด
ตอนนี้อยากกินปลาไหลย่างมากที่สุด! อยากไปกินให้เร็วที่สุด!
นอกจากนี้ฉันต้องการออกกำลังกายปากให้หนักขึ้น .
[D+16]
ริมฝีปากของฉันเล็กลงทันทีหลังการผ่าตัด แต่ดูเหมือนจะค่อยๆ กลับมา
หลังจากเริ่มออกกำลังกายปาก ริมฝีปากของฉันกว้างขึ้นมาก
วันนี้ฉันออกไปเดินเล่นหนึ่งชั่วโมง
และกลับมาที่บ้านและฉันคิดว่าฉันบวมน้อยกว่าตอนเช้าอย่างแน่นอน
[D+17]
เป็นครั้งแรกที่ได้พบเพื่อนของฉันหลังการผ่าตัด เพื่อนของฉันบอก
ว่าฉันดูหน้าเด็กขึ้นหลังการผ่าตัด เพราะอาการบวม ฉันนอนไม่หลับ
เพราะต้องนั่งนอนเลยทำให้หลับไม่สนิท หลับๆ ตื่นๆ ตลอดเวลาเลยค่ะ ฉันเหนื่อยมาก
เลยลองนอนราบ... วันรุ่งขึ้นใบหน้าของฉันดูบวมมากและฉันไม่สามารถอ้าปากกว้างได้
ฉันมีรอยขีดข่วนมากมายในปากฉันคิดว่าเป็นเพราะเครื่องมือจัดฟันที่คิดค้นขึ้น
ฉันแค่หวังว่าจะเอาเวเฟอร์และสกรูที่อยู่ในปากออก
นอกจากนี้ฉันยังกินได้แต่อาหารเหลวเท่านั้น
[D+20]
สำหรับมื้อกลางวันฉันกินสปาเกตตี 1 ชามกับลูกพีชสับเป็นชิ้นเล็กๆ ฉันยังเคี้ยวไม่ได้ แต่เป็นอาหารนิ่ม
จึงกลืนได้ดีไม่มีปัญหา มันเจ็บปวดเกินไปที่ต้องดูครอบครัวของฉันกินซี่โครงหมู
ทั้งๆ ที่ฉันยังไม่สามารถกินได้ค่ะ ฉันอยากกินอาหารอร่อยๆ ได้เร็วๆ ค่ะ
เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า อาการบวมที่แก้มจมูกและลำคอจะยังคงอยู่
แต่อาการบวมใต้คางลดลงเยอะเลยค่ะ กล่าวกันว่าควรสังเกตอาการบวมบริเวณกรามทั้งสอง
ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง1ปี แต่หลังจากนั้นแนวกรามจะคมขึ้นจริงๆ
การรอคอยเป็นเรื่องสนุกเมื่อเปลี่ยนไปทีละนิด
[D+24]
ช่วงนี้สามารถโทรคุยกับเพื่อนๆได้ ใช้ชีวิตได้ปกติแล้วค่ะ
ตอนแรกกลัวว่าสำเนียงไม่ชัดกลัวว่า ฉันคุยโทรศัพท์กับคนรู้จักและเข้ากันได้ดี
ถามว่าเสียงดูแปลกมั้ย เพื่อนๆ บอกว่าคิดว่ากำลังพูดตอนกินข้าวอยู่...555+ จะสามารถสื่อสารได้อย่างราบรื่นไหมนะ? ยังมีอาการบวมที่ใต้จมูก ฉันพยายามที่จะไม่หมกมุ่นอยู่กับจมูก
แต่ฉันเห็นรีวิวและรูปถ่ายของเกือบทุกคน
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างจมูกเหมือนฉัน เดิมทีฉันชอบจมูกมากที่สุด
แต่ถึงแม้จะไม่ได้ทำศัลยกรรม อยู่ๆ จมูกใหญ่ขึ้นมาก ฉันเสียใจมาก
วันนี้ฉันต้องเข้านอนโดยที่จับจมูกของหนึ่งร้อยครั้ง
[D+28]
ถ้าครบ 1เดือน
นึกว่าจะได้เอาเวเฟอร์ และเอาสกรูออกได้ พอมาโรงพยาบาล
คุณหมอจัดฟันบอกว่าการสบฟันยังไม่ปกติดี เลยให้ใส่เวเฟรอ์อีก 2อาทิตย์ค่ะ และได้บอกว่า สกรู 8อัน อันหนึ่งดูเหมือนโยกเลยเอาออกให้
และสกรูที่เหลือถ้าไม่มีปัญหาหรืออักเสบจะไม่เอาออกค่ะ
เพราะตอนจัดฟันก็ต้องใช้เป็นที่ใส่ยางยึดค่ะ ดีใจที่ได้เจอคุณหมอใจดี
แต่แอบเสียใจนิดหน่อยเพราะต้องใส่เวเฟอร์ต่อค่ะ อาทิตย์หน้า
น่าจะได้กลับไปทำงานแล้วค่ะ ตอนทำงานจำเป็นต้องพูดเยอะๆ คุณหมอเลยบอกว่า
นอกจากเวลาไปทำงานต้องใส่เวเฟอร์ และฝึกกัดเวเฟอร์คค่ะ
วันนี้ได้เข้ามาโรงพยาบาลก่อนเวลานัด เลยได้พบคุณหมอจัดฟันก่อน
และหลังจากนั้นได้พบคุณหมอชินค่ะ ได้ดูรูปเอ็กซเรย์ครบ1เดือน กระดูกยังไม่เชื่อกัน มีแค่น็อตที่ช่วยยึดกระดูกไว้อยู่
จนกว่าถึง 2เดือนยังไม่สามารถกินเนื้อสัตว์ได้ค่ะ กินได้แค่อาหารนิ่มๆ เท่านั้น
และอาการบวมที่กังวล คุณหมอได้อธิบายว่า บริเวณข้างๆ จมูกยังมีเลือดข้างอยู่
ถ้าเวลาผ่านไปจะค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ
[D+30]
ในที่สุดวันนี้เป็นวันครบ 1เดือนค่ะ คุณหมอจัดฟันบอกว่า เวลากัดเวเฟอร์
ฟันกรามสบกันอย่างเดียวไม่ได้ค่ะ
คุณหมอจัดฟันกล่าวว่าเมื่อกัดเวเฟอร์ต้องใช้แรงให้ฟันทั้งหมดสบกันค่ะ
ไม่รู้ว่าเป็นฉันออกแรงที่คางเลยทำให้รู้สึกปวดคาง และบริเวณโหนกแก้ม
แต่ฉันไม่แน่ใจว่าฉันทำได้ดีหรือเปล่า
ถึงกระนั้นฉันไม่อยากได้ยินว่าต้องใส่เวเฟอร์ต่ออีก หลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ ดังนั้นฉันจึงพยายามกัดฟันอย่างแน่นๆ
วันนี้ได้ไปสัมภาษณ์และต้องถอดหน้ากาก ฉันเลยได้แต่คิดในใจว่า 'ใบหน้าฉันยังไม่เป็นธรรมชาติ' แต่ถึงฉันจะถอดหน้ากาก และได้พูด ไม่มีใครถามถึงใบหน้า
อาจเป็นเพราะฉันพูดมาก จึงรู้สึกบวมน้อยกว่าตอนเช้า ตอนกลางคืน
อาการบวมที่ดูเหมือนมีอะไรอยู่ในแก้ม
ฉันต้องทำงานอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้หักโหมเกินไป
[D+44]
ตอนนี้กลับไปทำงาน และสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้
และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันเหมือนก่อนการผ่าตัด และฉันก็ทำได้ดีโดยไม่มีปัญหาใดๆ
เมื่อฉันทำงานฉันจะถอดเวเฟอร์ออก และเมื่อฉันกลับบ้านฉันก็อยู่กับเวเฟอร์
จนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรที่ไม่สะดวก นอกจากเวเฟอร์
ทุกวันนี้สำหรับของว่างตอนดึกฉันกินเบอร์เกอร์ไก่และพิซซ่า
เดิมทีฉันคิดว่าฉันไม่ควรกินมัน แต่เมื่อฉันสั่งอาหารดึก
ฉันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะกินเนื้อ
ถึงกระนั้นฉันก็กังวลฉันจึงมักจะกินมันเหมือนกลืนมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ
แต่คนที่ฉันทำงานด้วยดูเหมือนจะคิดว่าฉันจะกินมันแบบนี้เพราะการจัดฟัน
ถึงฉันจะพูดมีหลายคนที่บอกฉันว่าอย่าพูด เพราะไม่มีใครรู้ว่าได้รับการผ่าตัดแล้ว
และถึงฉันจะพูดยังไงก็ไม่ชัดเจน
ฉันเริ่มกินอาหารได้ดีและน้ำหนักขึ้นมากดังนั้นฉันจึงมีแก้มค่อนข้างน้อย
ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นอาการบวมหรือผิวที่เหลือ
แต่ดูเหมือนว่าจะบวมเมื่อฉันนอนและตื่นขึ้นมา
แต่ในตอนเย็นอาการบวมจะหายไปและดูเหมือนว่าโครงหน้าฉันชัดขึ้น อันที่จริงมันนานมากแล้วที่ฉันลืมการผ่าตัด
และทำได้ดีมากฉันจึงไม่ได้ถ่ายรูปเพื่อบันทึก ในอนาคตฉันควรทำงานหนัก
เพื่อจัดการอาการบวม
[วันที่64]
ตอนนี้สามารถกินอาหารได้ปกติ
ไม่มีอหารที่กินไม่ได้แล้วค่ะ และได้เริ่มกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยค่ะ
ตอนนี้ทั้งด้านนอกและด้านที่เป็นปมด้อยได้หายไปแล้วค่ะ
หลังผ่าตัดใช้ชีวิตปกติไม่มีปัญหาอะไร จนแทบลืมไปแล้วค่ะว่าผ่าตัดมา
ไม่ว่าไปไหนก็มีแต่คนทักว่าสวยขึ้น น่ารักขึ้นค่ะ เวลาไปเช็กอัพที่รพ.
พนักนักงานทุกคนก็ต่างทักว่าอาการบวมดูลดลง ดุสวยขึ้นค่ะ
[วันที่75]
ตอนนี้ทุกอย่างกลับมา 100%แล้วค่ะ
ไม่ว่าจะการเคี้ยวอาหาร หรืออาการชา การอ้าปาก
ทุกอย่างกลับมาเหมือนก่อนผ่าตัดแล้วค่ะ นอกจากเวลาเคี้ยวอาหารแข็งนานๆจะรู้สึกเมื่อยคาง
นอกจากนั้นไม่มีปัญหาอะไรค่ะ
[วันที่100]
พอคางเรียวขึ้นดูเหมือนว่าทำให้โหนกแก้มดูเห็นชัดค่ะ
เพราะโควิดทุกคนใส่หน้ากาก ทำให้คิดว่าทุกคนดูหน้าเล็กกันจริงๆค่ะ
ช่วงนี้มีแต่คนชมว่าหน้าดูเล็กหน้ากากบังหน้าหมดเลยค่ะ หลังผ่าตัเพอหน้าเรียวขึ้น
ดูละมุนขึ้นเยอะจริงๆค่ะ
[วันที่120]
พออาการบวมลดลง ร่องแก้มลึกขึ้นเลยค่ะ
คิดว่าจะไปยกกระชับผิวค่ะ ตอนนี้คุณหมอใส่ยางรัด อยากให้การจัดฟันเสร็จไวๆจังเลยค่ะ